รู้สึกกาย รู้สึกใจ 14 มิถุนายน 2023

“…**‘ผู้ดับสนิทแล้ว ความคิดมีอยู่หรือ

และต่างจากความคิดโดยธรรมดาอย่างไร ?’

ต่างกัน** แต่อาตมาก็ไม่ใช่เป็นผู้ดับกิเลสตัณหาอันใด

ให้มากมายหรอก เป็นคนธรรมดานี่แหละ

แต่หากมีความเข้าใจอย่างนี้

ต่างกัน

แต่ก่อนนั้นบ่ฮู้จัก มันคิดไปร้อยอันพันอย่าง-บ่ฮู้จัก

บัดนี้มาเห็น-มารู้แล้ว ‘โอ…ความคิดมันเป็นจังซี่เด๊’

เลยเข้าใจจังซี่

จนว่า**ทำให้มันถึงที่สุดของความคิดนี่แหละ

มันก็เลยเปลี่ยนหน้ากากออกมา**

เหมือนกับเฮาไปเบิ่งหนัง เฮาไปเบิ่งแต่จอหนังพู่น

เฮาบ่ได้เห็นกล้องถ่ายรูป(ที่ฉาย)ออกไปให้ถูกกับจอหนังพู่น

เฮาก็เลยไปติดอยู่พู่น

บัดนี้กลับเข้ามาเบิ่งทางจอหนัง

บ่อนเขาถ่ายรูปออกไป(จาก)กล้อง กล้องหนังนี่-หลวงพ่อบ่รู้จัก

หลวงพ่อบ่เคยรู้จัก หลวงพ่อเอามาเปรียบเทียบให้ฟังซื่อ ๆ

‘ความคิดที่แตกต่างของความคิด ๓ ระดับ

กล่าวคือ *ความคิดของปุถุชนเป็นอย่างไร ?’

ความคิดของปุถุชนนั้นคือ บ่เห็นความคิด-บ่เห็นจักเทื่อ

การเคลื่อนไหวของตัวเอง ก็บ่เคยกำหนดกฎเกณฑ์ซักเทือ*

อาตมาเคยทำบุญ เคยรักษาศีล

เคยทำกรรมฐานมาเล็ก ๆ น้อย ๆ

ให้ว่าพอสมควร จึงว่าบ่เชื่อคน(อื่น)

(อาตมา)บ่เคยเห็นซักเทือ

เมื่ออายุ ๔๖ ปีนี่แหละ **อาตมามาทำความเคลื่อนไหว

พลิกมือขึ้น-ก็ฮู้เมื่อ(รู้สึกตัว) คว่ำมือลง-ก็ฮู้เมื่อ

แล้วเลยฮู้จักความคิดอันนั้น**

*ความคิดของปุถุชน คิด-บ่ฮู้จัก

หนัก แต่บ่ฮู้จักว่าหนักนะ-ความคิดนี่

แต่ว่าหนัก เพราะบ่ฮู้จัก

เฮาหาบของหนักแล้ว เราบ่ฮู้จักของหนัก

มันหนัก แต่มันบ่แม่นหาบของหนัก

มันหนักที่ใจพู่นเด๊

นี่แหละความคิดของปุถุชน* ไปจังซั่น

บัดนี้ **‘ความคิด(ของ)ผู้ที่เห็นความคิดแล้วนั้น เป็นอย่างไร ?’

ผู้ที่เห็นความคิดแล้วนั้นก็เทือเห็น-เทือบ่เห็น

(บางครั้งก็เห็น-บางครั้งก็ไม่เห็น)

เทือได้-เทือเสีย(ได้บ้าง-เสียบ้าง) ให้ว่าเถอะไป

อันนั้นเรียกว่าผู้เห็นความคิดแล้ว

แต่หากเทือเห็น-เทือบ่(เห็น)**

คล้าย ๆ คือ เพิ่นว่า‘ผู้เห็นพระนิพพานผู้หนึ่ง

ผู้หนึ่งบ่ทันเห็นพระนิพพาน

การทำบุญนั้น ก็ปรารถนา-อ้อนวอนเอา

**ผู้ที่เห็นทางแล้วนั้น พยายามให้มันถึงพระนิพพาน’** เพิ่นว่า

บัดนี้ **‘ความคิดที่บริสุทธิ์ของพระอรหันตสาวก

หรือความคิดของพระพุทธเจ้านั้นเป็นอย่างไร

ต่างกันอย่างไร ?’

ต่าง** แต่อาตมาก็บ่รู้จักหรอก-ความคิดของพระอรหันต์

ความคิดของพระสาวกหรือพระพุทธเจ้านั้นก็ได้

เพราะว่าเฮาก็บ่ได้เป็นพระอรหันต์

เฮาจะว่าเป็นสาวก(ของ)พระพุทธเจ้าก็ได้

หรือว่าบ่เป็นก็ได้ เพราะว่าเชื่อมั่นในตัวเอง

*ความคิดของปุถุชนนั้นหนัก-แน่นอยู่*

ความคิดของผู้ที่เห็นความคิดแล้ว เรียกว่า‘เห็นธรรม’

เห็นธรรมก็เห็นนิพพานนั่นแล้ว แต่หากเอานิพพานมาใช้บ่ได้

นี่ตามความคิดของอาตมานี่

คล้าย ๆ คือคนตกน้ำ

คนตกน้ำบางคนก็จมลงไปฮอดพื้นดิน ก็ยันขึ้นมา

แล้วบ่ทันได้เหลียวเบิ่งตาฝั่งอันใด(ไม่ทันได้ดูทิศทางของฝั่ง)

จมไปอีกตื่ม นั้นเป็นภาษาปุถุชน-เปรียบเทียบได้จังซี่

บัดนี้ผู้หนึ่งตกน้ำลงไป จมฮอดพื้นดิน

แล้วก็ลอยยันพื้นดินขึ้นมา พ้นน้ำขึ้นมา

ก็เหลียวเห็นตาฝั่ง ก็เลยพยายามลอยไป

เพราะตีนบ่ถึงดินเด๊ ลอย(ว่าย)ไปได้จนเท้าถึงดิน-ผู้หนึ่ง

ผู้หนึ่งตกน้ำลงไป น้ำก็เพียงหัวเข่า

หรือกลางแข้ง-กลางขา ก็ย่างไป

**ผู้หนึ่งนั่งอยู่ตาฝั่งนั่นแล้ว เบิ่งทางนั้น-ทางนี้

อันนี้เรียกว่า‘ความคิดของผู้ที่พ้นแล้ว’ ให้ว่าเถอะไป

มันผิดกันจังซี่-คือบ่หนัก แต่ความคิดมีคือกัน

แต่ว่าอยู่เหนือความคิด คือว่ามันบ่หลงความคิด**

นี่แหละ-เข้าใจจังซี่

ตามความคิด-ความเห็น ตามความเข้าใจของอาตมา…”

หลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ

————————————————————————————————

※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※

※ อย่าหลงตน-อย่าลืมตัว ※

※ ※

※ อย่าหลงกาย-อย่าลืมใจ ※

※ ※

※ อย่าหลงชีวิต ※

※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※

รู้สึกตัว…รู้สึกกาย รู้สึกใจ

_/|\_ _/|\_ _/|\_


Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *