“…การแก้ปัญหาหรือการตอบปัญหานั้น
มันอาจจะถูกจริตนิสัยของแต่ละคน อาจจะบ่เหมือนกัน
เพราะว่าความคิด-ความเห็นของผู้ถาม อาจจะเป็นอย่างหนึ่ง
ความคิด-ความเห็นของผู้ตอบ ก็อาจจะเป็นอย่างหนึ่ง
ดังนั้นความคิดจึงมีมาก คำว่า‘กิเลส’ก็คือกัน-มีมาก
แต่ว่า**ตัวจิตใจ-ตัวชีวิตจริง ๆ นั้น บ่มีกิเลส
เฮาจึงเห็นความคิดเฮา อันที่มันมีกิเลสนั้น
กิเลสถูกงำอยู่-ถูกปกปิดไว้ เฮาเลยบ่ได้เห็นกิเลส
แต่ว่ากิเลสนั้นมาครอบงำจิตใจได้แท้ ๆ ก็บ่มี**
จิเปรียบเทียบให้ฟัง คือ(เหมือน)อยู่บ้านเฮา
เฮาว่า‘ตะเว็นมืด-ตะเว็นบด บ่แจ้ง-บ่สว่างมื้อนี้
เพราะตะเว็นมืด-ตะเว็นบด สบายดี
ครั้นเฮาไปเฮ็ดไร่-เฮ็ดนาก็ได้’
แต่ความสบายแบบนั้นมันหนัก
มันหนักอก-หนักใจ ให้ว่ามันบ่สว่างในใจ
นี่เอามาเปรียบเทียบ
บ่แม่นจิว่าไม่สบาย ไม่มีแดด-ไม่มีฝนตก
บ่ฮ้อน-บ่หนาว บ่แม่นจังซั่น
คือว่า*บ่สบายนี้-มันมืด ใจมันมืด-ใจมันบ่สว่าง
เฮาหากบ่ฮู้จัก เพราะว่าเฮาอยู่นำกิเลสมานานแล้ว
นี่กิเลสมันปกคลุมอยู่นานแล้วเด๊
ความคิดนี่มันปกคลุมเฮามานานแล้วเด๊
เฮาเลยบ่ได้เข้าใจ*
บัดนี้ความมืดที่เราว่า‘ฟ้ามืด-ฟ้าบด’นั้น
มันบ่แม่นตะเว็นบดเด๊
‘ตะเว็นบด-ตะเว็นมืด’ เฮาว่า
อันฟ้า-อันเมฆ-อันควันนั้น จะไปจับเกาะอยู่ตรงตะวันก็ไม่ได้
หมู่ท่าน-หมู่คุณเคยทำงาน เคยไปที่นั่น-ที่นี่
อันนี้ก็เลยเอามาเปรียบเทียบ
อาตมาก็ได้ไปขึ้นเครื่องบินนำขเจ้า(กับเขา)
ได้ไปเห็นขเจ้า สมัยไปที่-ให้ว่าไปหลายบ่อน
ก็ว่าตามความจริง สมัยที่ไปสิงคโปร์-ไปมาเลเซียนี่
เข้าใจคักอันนี้ แล้วก็ได้นั่งเครื่องบิน
เมืองเลย-ขอนแก่นนี่…ได้นั่งไป นั่งเครื่องบินไปก็เห็น
แล้วก็ได้นั่งเครื่องบินมาจากเมืองเลย-ขอนแก่น-กรุงเทพ ฯ นี่
ได้นั่งไปหลายเทืออยู่ แล้วก็ไปสายหาดใหญ่
ได้นั่งไป-นั่งเครื่องบินไป เครื่องบินไปสูง ๆ พู่น
เฮาเบิ่งก้อนเพื้อ(เมฆ) เฮาเอิ้นเพื้อ
ทีแรกเราอยู่ที่ลุ่มพี้(อยู่ข้างล่างนี้)-พื้นดิน เราว่าเพื้อมันอยู่บนฟ้า
แล้วก็มันบ่มีทางสิ้นจบเป็นเด๊-เรื่องความคิด เป็นอย่างนั้น
บัดนี้เฮาขึ้นเครื่องบินไป นั่งเครื่องบินไป
บ่แม่นขึ้นเครื่องบินนะ เครื่องบินพาเราไป
เราเบิ่งออกไปประตูนั่น เหลียวเห็นก้อนเพื้อ-ก้อนเมฆ
เป็นก้อนจ๊กป๊กเจ๊กเป๊ก(เป็นกลุ่ม-เป็นก้อน) คือภู
บ้านหลวงพ่อมันมีภูเขา เฮาอยู่บ่อนลุ่มพี้
เหลียวเบิ่ง-เห็นภูเขา มันเป็นก้อนจ๊กป๊กเจ๊กเป๊ก
เราบ่สามารถที่จะเห็นสูงกว่านั้นได้
แล้วบัดนี้เพื้อนั้นนะ มันอยู่ชั้นกลางนี้
เรือบินนั้นมันอยู่ชั้นสูงพู่น ถ้าเป็นเรือบินน้อย ๆ
อย่างที่หลวงพ่อนั่งมาจากขอนแก่นนั่น บ่ไปสูงเท่าไหร่
แล้วก็ฝ่าเพื้อ-ฝ่าเมฆ-ฝ่าก้อนเพื้อนั้นไป
บัดนี้เรานั่งเรือบินใหญ่นั่น มันขึ้นไปสูง-ขึ้้นไปสูงกว่าเพื้อ
มันไปเห็นจังซั่นแหละ-เลยเข้าใจจังซี่
อันกิเลสก็คือกัน อันตะเว็น…เราว่าฟ้ามืด-ฟ้าบดก็คือกัน
เราขึ้นไปให้มันสูง-สูงกว่าเพื้อพู่น แล้วเหลียวไป
ฟ้าก็ยังอยู่เทิงพู่นอีกตื่ม(อยู่เหนือขึ้นไปอีก)
อาตมา แต่ก่อนนี้บ่ฮู้จักว่าฟ้านี้สูง
ฟ้ากวม(คลุม)ดินนั้น-กวมแท้ ๆ สูงอย่างนั้น
ขึ้นไปให้มันสูงกว่าเพื้อ-กว่าเมฆนั้น มันจิไปไส-เฮาก็บ่ฮู้แล้ว
อันนี้สมมติซื่อ ๆ อันนี้
ดังนั้นจึงว่า**เราขึ้นไปสูงแล้ว บ่มีอันใดมาบด-มาบังเราได้**
แต่ความคิดก็คือกัน…”
หลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ
————————————————————————————————
※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※
※ อย่าหลงตน-อย่าลืมตัว ※
※ ※
※ อย่าหลงกาย-อย่าลืมใจ ※
※ ※
※ อย่าหลงชีวิต ※
※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※
รู้สึกตัว…รู้สึกกาย รู้สึกใจ
_/|\_ _/|\_ _/|\_

ใส่ความเห็น