“…**เครื่องวัดว่าได้ต้นทางแล้ว มีอยู่อย่างไร ?
มีอยู่คือ เห็นจิตใจมันนึก-มันคิด**
มองด้วยตา-ไม่เห็น จับไม่ถูกด้วยมือ
แต่รู้ได้-เห็นได้ด้วยตาปัญญา เรียกว่า‘จักษุปัญญา’
เราเคยกะพริบตามาตั้งแต่เล็ก ๆ ไม่ใช่เกิดมาแล้วไม่กะพริบตา
เพิ่งมากะพริบตาเอาวันนี้ ไม่ใช่
แต่เราไม่เคยรู้ ไม่มีสติมาตามรู้ได้ทัน
**ถ้ามีจักษุปัญญาแล้ว
กะพริบตา-มันก็รู้ หายใจเข้า-ก็รู้ หายใจออก-ก็รู้
กลืนน้ำลายลงในลำคอ-ก็รู้ จิตใจมันนึก-มันคิด…ก็รู้
รู้แล้วก็สบาย ความโลภ-ความโกรธ-ความหลงลดน้อยลงไป
หรือถึงกับจะหมดไปก็ได้
นี่ล่ะคำว่าได้ต้นทาง คือรู้จิตใจมันนึก-มันคิด
เห็นจิตใจมันนึก-มันคิด เรียกว่า‘ได้ต้นทาง’
เพราะพระพุทธเจ้าตรัสรู้จากการกระทำทางจิตใจ
เราก็ต้องรู้จิต-รู้ใจ เห็นจิต-เห็นใจตนเองนี่กำลังคิด
จึงเรียกว่าได้ต้นทาง
เป็นเครื่องหมายบอกให้ผู้ปฏิบัติรู้ได้อย่างนี้**
เป็นสิ่งที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตา
ผู้ที่ได้ต้นทางแล้ว
จะไม่ไหว้ผี ไม่เชื่อเรื่องฤกษ์งาม-ยามดี
ไม่เชื่อสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์
เราจะรู้-จะเห็น-จะเข้าใจแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์
ซึ่งจะก่อให้เกิดมรรคผลนิพพาน
มีภาษิตบทหนึ่งว่า
**‘ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน จะไปพึ่งคนอื่นไม่ได้’
พึ่งผีก็ไม่ได้ พึ่งเทวดาก็ไม่ได้
แม้พระพุทธเจ้าก็พึ่งไม่ได้เช่นเดียวกัน**
**ปฏิบัติต่อไปอย่างไร
จึงจะลัดสั้นสำหรับผู้ที่ได้ต้นทางแล้วนั้น ?
การปฏิบัติ…ก็ดูจิต-ดูใจที่มันนึก มันคิดนี่เอง
เคลื่อนไหวไป-มาโดยวิธีไหนก็ตาม
เข้าห้องน้ำ-ห้องส้วมก็ตาม ปฏิบัติได้ทุกลมหายใจเข้า-ออก
กินข้าว-กินน้ำก็ปฏิบัติได้ ทำการ-ทำงานก็ปฏิบัติได้
เพราะมือทำงาน-ใจดูใจ
มันนึก-มันคิด เห็น-รู้-เข้าใจ…ผ่านไป ไม่ต้องไปยึดถือ
อย่างนี้แหละลัดสั้นที่สุด
เพราะเราเป็นคนทำ อยู่ที่ไหนก็เราเองเป็นคนทำ
การพูดก็เราเป็นคนพูด อยู่ที่ไหนเราก็พูดได้
การดูจิตดูใจมันนึก-มันคิด ก็เราเองเป็นคนดู-อยู่ที่ไหนก็ดูได้
จึงพูดว่า ‘ลัดสั้นที่สุด’
ไม่เลือกกาลเวลา ทำที่ไหน-เมื่อไหร่ก็ได้
และเป็นการกระทำที่ตรงเข้าไปสู่จิตใจ
ต้องลัดตรงเข้าไปอย่างนั้น**…”
หลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ
————————————————————————————————
※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※
※ อย่าหลงตน-อย่าลืมตัว ※
※ ※
※ อย่าหลงกาย-อย่าลืมใจ ※
※ ※
※ อย่าหลงชีวิต ※
※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※
รู้สึกตัว…รู้สึกกาย รู้สึกใจ
_/|\_ _/|\_ _/|\_

ใส่ความเห็น