“…บัดนี้ เราจะไปกลัวแต่นรกเมื่อตายไปแล้วนู้น
*เราไม่กลัวนรกที่มีอยู่ใน(ใจ)เรา
ไฟนรกที่ไหม้เราทุกวันนี้(เป็น)ไฟนรกไม่มีเปลว
ร้อนมากกว่าไฟที่เราหุงต้มกินนั้น
เพราะคนนี้น่ะ-ถ้าโกรธขึ้นมา ยืนก็ไม่ได้-นั่งก็ไม่ได้
นอนก็ไม่ได้-ร้อนระอุ เดินไปนู่น
มันเป็นอย่างนั้น
(ขณะที่โกรธ) มันดูคนไม่เป็นคนเข้ามาแล้วนี่*
เคยได้ยินไหม-‘ดูคนไม่เห็น’น่ะ เป็นอย่างนั้น
นั่นแหละ‘ไฟนรก’ เป็นสัตว์ไปแล้วนี่
เห็นคนเป็นสัตว์ไปแล้วนี่ จะถือ(ว่าเป็น)คนไหม-คนนั้น ?
ไม่ใช่คนแล้ว มันก็เป็นสัตว์แล้ว
มันก็เห็นสัตว์เป็นเพื่อนมันสิ มันจะว่าคนนั้น(-คนนี้)เป็นสัตว์
(ว่า) ‘ไอ้หมา-นางหมา ท้าวหมา-บักผี ท้าวผี-นางผี’
มันไม่ใช่คน พูดอย่างนั้น-มันเป็นผีพูดแล้ว
จึงว่า*‘คนนั้นไม่มีพระประคองใจ’
คนนั้นถึงจะเป็นพระ ก็ยังไม่มีพระ(ในตัว)*
นี่ไม่ใช่พูดให้คนอื่นนะ พูดความจริงสู่กันฟัง
ทุกคนต้องการความจริงทั้งนั้น(ที่)มาที่นี่
แต่(บางคน)พูดความไม่จริง มันเป็นยังไง ?
เพราะคน(นั้น)ไม่มีหิริ-ความละอายนั่นเอง
จึงไม่พูดความจริงให้คนฟัง
พูดความจริงไม่ได้ แล้วไปโกหกกันทำไม ?
**ต้องพูดความจริง
ความจริงมียังไง ต้องพูดอย่างนั้น**
ท่านว่าอย่างนั้น
จึงว่า‘หิริ-ความละอายแก่ใจ
โอตตัปปะ-ความเกรงกลัวต่อบาป
ความเกรงกลัวต่อการกระทำ’
ดังนั้น **เราทำการ-ทำงานอะไร
แม้หุงข้าว-ต้มแกงก็ตาม ให้มีความรู้สึกตัว
จะไปเก็บผัก-เก็บหญ้า ก็มีความรู้สึกตัว
อย่าไปทำโดยที่ไม่รู้สึกตัว**
*เมื่อเราไม่รู้สึกตัวขณะทำ-ขณะพูด-ขณะคิด
อันนั้นแหละ ท่านเรียกว่า‘โมหะ’
จิตใจสัตว์มันเกิดขึ้นแล้ว* เราจะทำยังไง ?
**เราก็ต้องเอาความรู้สึกตัวนี้เอง
เมื่อรู้สึกตัวแล้ว เป็นยังไง ?
ความไม่รู้สึกก็หายไป มันหายไป**
*ความไม่รู้สึกตัวนั้น มันจึงไม่มีที่คน
มันเข้ามาชั่วขณะ(ที่)เราเผลอเท่านั้น
ทางธรรมะเรียกว่า‘โมหะ’*
**โมหะมันไม่ได้มี
แต่เราพยายามให้มันรู้สึก มีสติ
เมื่อมีสติแล้ว โมหะเข้ามาไม่ได้**
*ในขณะโมหะเข้ามาเมื่อใด
อันนั้นแหละ สัตว์เข้ามาพร้อมกันทันที*
‘โมหะ’ จึงว่า(คือ)ความหลง
ท่านว่าอย่างนั้น…”
หลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ
————————————————————————————————
※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※
※ อย่าหลงตน-อย่าลืมตัว ※
※ ※
※ อย่าหลงกาย-อย่าลืมใจ ※
※ ※
※ อย่าหลงชีวิต ※
※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※
รู้สึกตัว…รู้สึกกาย รู้สึกใจ
_/|\_ _/|\_ _/|\_

ใส่ความเห็น