รู้สึกกาย รู้สึกใจ 4 กรกฎาคม 2023

“…*คนส่วนมากรู้จักศาสนาเพียงแค่เปลือก

คือการทำบุญ-ให้ทาน-รักษาศีล

ส่วนที่จะรู้จักการทำกรรมฐานหรือวิปัสสนา-มีน้อย*

*การทำบุญให้ทานหรือรักษาศีล ก็เป็นสิ่งที่ดี

แต่ก็ให้ได้เพียงความอิ่มใจชั่วคราวเท่านั้น

ไม่สามารถดับทุกข์ หรือแก้ปัญหาตัวเองได้

ในด้านการศึกษาทางโลก

แม้นท่านจะเรียนจนได้ปริญญาตรี-โท-เอก

ก็เป็นสิ่งดี ใช้เลี้ยงชีวิต

แต่ก็ยังไม่ใช่การศึกษาของตัวชีวิตอย่างแท้จริง

การทำมาหากิน ได้ทรัพย์สินเงินทองมาก ๆ นับล้าน ๆ บาท

นั้นก็ดี แต่ก็ไม่ใช่เป็นทางเดินของชีวิตที่แท้จริง

เอามาดับทุกข์ แก้ปัญหาตัวเองไม่ได้

การศึกษาสูง ๆ หรือความร่ำรวยเงินทอง

บางครั้งอาจเป็นเครื่องบังจักษุปัญญา

เป็นสิ่งปิดกั้นไม่ให้รู้-เห็นชีวิตจิตใจ ความนึกคิดของตนเองได้*

ดังนั้น**ข้าพเจ้าจึงอยากให้ท่านทั้งหลาย

หันกลับมาศึกษาและปฏิบัติธรรม

คือปฏิบัติลงไปในตัวชีวิตของเรานี้ ด้วยการมาดูตัวเอง

เพราะความเดือดร้อน ความทุกข์ไม่ได้อยู่ที่ผู้อื่น**

*ดังที่เราชอบโทษผู้อื่นว่านำความทุกข์

(นำ)ความเดือดร้อนมาให้เรา ซึ่งเป็นการเข้าใจผิด

เมื่อก่อนข้าพเจ้าก็เป็นเช่นนั้นเหมือนกัน

เอาแต่ทำบุญให้ทาน-รักษาศีล สร้างโบสถ์-สร้างพระพุทธรูป

ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ดีอยู่ แต่ไม่สามารถแก้ทุกข์ในตัวเองได้

เมื่อเผลอสติหรือลืมตัว ความทุกข์ก็เข้ามาทันที*

ข้าพเจ้าไปที่สิงคโปร์ สังเกตดูคนที่นั่น

มีความตื่นตัวและสนใจในธรรมะมาก

ทั้ง ๆ ที่คนเหล่านั้นมีการศึกษา-เล่าเรียนสูง

มีฐานะดี-มีเงินทองมาก การเศรษฐกิจดีกว่าบ้านเรา

แต่สิ่งเหล่านี้ก็ไม่ได้ช่วยให้เขามีความสุขอันถาวรได้

เขาจึงพากันมาปฏิบัติธรรม ฟังธรรม

ทั้ง ๆ ที่ข้าพเจ้าพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย

ต้องมีอาจารย์ชูศรี-อาจารย์โกวิท เป็นล่ามแปล

ดังนั้น**การศึกษาธรรมะ ก็คือการมาศึกษาตัวเอง

คอยดูความรู้สึกนึกคิด ไม่เกี่ยวข้องกับลัทธิประเพณี

หรือสิ่งอื่น ๆ ทั้งหมด จะเป็นคนชาติไหน-พูดภาษาใด

นุ่งห่มสีอะไร จะเป็นนักบวชก็ได้-ไม่บวชก็ได้

จะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ นับถือศาสนาไหน

ถ้ามาศึกษาที่ตัวเองมาดูความคิดของตนเอง

ก็เป็นการมารู้จัก-มาเข้าใจธรรมะ ดับทุกข์ได้ทุกคน**

เพราะฉะนั้น**ข้าพเจ้า

จึงอยากให้พวกเราทำความรู้สึกตัวให้มาก ๆ

ความรู้สึกตัวนี้แหละ ไม่ทำให้เราหลง

และเป็นการทำให้เราเห็นตัวชีวิตจิตใจจริง ๆ

อันที่จริงแล้ว ชีวิตจิตใจของคนนั้นไม่เคยมีความทุกข์**

*เมื่อใดเราเผลอตัว เรียกว่า‘หลง’

จึงถลำไปกับสิ่งที่เราคิด

ความคิดเหล่านั้นก็เกิดการปรุงแต่ง สร้างเรื่องราวขึ้น

เมื่อสร้างเรื่องขึ้น ก็ออกนอกตัวไป

ไม่รู้ตัวเอง ไหลไปตามอำนาจของเรื่องราวต่าง ๆ ที่สร้าง

สิ่งเหล่านั้นจึงทำให้เกิดความทุกข์-ความเดือดร้อน*

**คนเรานี้มี‘กาย’กับ‘ใจ’เท่านั้น

กายก็คือสิ่งที่มองเห็นได้ด้วยตา ก็คือ‘รูป’

ส่วนใจมองไม่เห็นด้วยตา-แต่รู้สึกได้ ก็คือ‘นาม’

ถ้าพูดอย่างภาษาธรรมะ ก็คือรูปกับนาม

ภาษาชาวบ้าน ก็ว่ากายกับใจ**

ทั้ง ๒ อย่างนี้ เป็นคำเดียวกัน

แต่สิ่งเหล่านี้ก็เป็นสิ่งสมมติขึ้นมาเรียกเท่านั้น

*คนเรามักไม่เข้าใจในสมมติ*

เช่น การบวชเป็นพระ-ก็เป็นเพียงสมมติ

คำว่าพระนั้น ส่วนใหญ่คนเราไม่ค่อยเข้าใจกัน

คำว่า‘พระ’ หมายถึงผู้สอนเรื่องของชีวิตจิตใจ

ไม่ได้หมายถึงผู้ที่นุ่งห่มผ้าเหลืองอย่างเดียว

ดังนั้น**ความเป็นพระ ก็อยู่ที่จิตใจของเราทุก ๆ คนนี้เอง

จะเป็นพระภิกษุ-สามเณร ผู้หญิง-ผู้ชาย

ถ้าเห็นความคิด-เห็นจิตใจ

มีความสะอาด-สว่าง-สงบอยู่ ก็เป็นพระ

สิ่งเหล่านี้มีอยู่แล้วในทุกคน

อยู่ที่ตัวเราจะสนใจปฏิบัติให้รู้หรือไม่ !**…”

หลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ

————————————————————————————————

※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※

※ อย่าหลงตน-อย่าลืมตัว ※

※ ※

※ อย่าหลงกาย-อย่าลืมใจ ※

※ ※

※ อย่าหลงชีวิต ※

※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※

รู้สึกตัว…รู้สึกกาย รู้สึกใจ

_/|\_ _/|\_ _/|\_


Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *