รู้สึกกาย รู้สึกใจ 11 มกราคม 2023

“…พูดมาถึงตรงนี้ เลยจะมีเรื่องเล่าให้ฟัง

เราทำบุญ-ให้ทาน ปรารถนาจะให้หมดกิเลสนั้น

ญาติโยม ท่านผู้ฟังทั้งหลาย

คงจะเคยไปดูคนเจ็บ-คนไข้ หรือคนกำลังจะตายนี่

สมมติว่า พ่อแม่พี่น้องของเราก็ตาม

เมื่อป่วยไข้ เป็นโรคมาหนัก ๆ

ผู้เป็นลูกหลานได้อาหารดี ๆ ข้าวอ่อน ๆ ร้อน ๆ มา

ลูกหลานก็ถามว่า‘กินข้าวไหมพ่อ ?’

ถ้าเป็นแม่ก็ถามว่า‘กินข้าวไหมแม่ ?’

คนป่วยนั้นก็บอกลูกหลานว่า‘พ่อกินบ่ได้’

ถ้าหากเป็นแม่ก็บอกว่า‘กินไม่ได้’ เช่นเดียวกัน

แต่ถ้าถามว่า‘กินหมากสักคำไหมแม่ ?’

ถ้าเป็นพ่อก็ถามว่า‘สูบบุหรี่ได้ไหม ?’

‘เออ ๆ เอามาให้แม่ลองสักหน่อย’

แก่นคูนมันแข็ง-สีเสียดมันแข็ง

เอามีด-เอาพร้ามาสับให้ละเอียด

เอามาตำ-มาโขลกเข้าไป แล้วก็เอามาอม-มาเคี้ยว

ลูกหลานถามว่า‘เป็นอย่างไรแม่-พ่อ ?’

‘เออ-มีแรงขึ้นมาหน่อยหนึ่ง’

มันจะมีแรงได้อย่างไร ?

ในที่สุด ก็ตายนั่นเอง

*ปรารถนาให้หมดกิเลส มันจะหมดได้อย่างไร ?

ถ้าเราไม่เลิกละเดี๋ยวนี้*

บางคน-ที่สุดถึงตายไปแล้ว (ยัง)แต่งสำรับกับข้าวให้กิน

ถ้าเป็นผู้ชาย ก็มวนบุหรี่ให้ด้วย

ถ้าหากเป็นผู้หญิง ก็จัดหมาก-จัดพลูให้ด้วย

ที่สุดเอาไปถึงกองฟอน ก็ยังเอาคำหมาก-เอาบุหรี่ไปให้กิน

มันจะเลิกละ(กิเลส)ได้อย่างไร ?

อันนี้แสดงว่าเราไม่เข้าใจ

**หลักพุทธศาสนาจริง ๆ

สอนให้ละกิเลส คือความอยากนี่เอง

แต่ตัวที่มันอยาก เรากลับไม่เห็น-ไม่รู้

เราต้องดูจิตใจที่มันอยากกินหมาก อยากสูบบุหรี่

อยากกินเหล้า อยากเล่นการพนันนั่น

ให้เข้าใจทันทีว่า‘เออ! กิเลสเกิดขึ้นแล้ว’ ต้องเห็นที่ตรงนี้

มันเกิดขึ้นมา ก็ให้รู้ว่า‘กิเลสเกิดขึ้นแล้ว-มันเป็นทุกข์’**

ท่านผู้ฟังทั้งหลาย พระพุทธเจ้าของเราสอนไว้ว่า

*‘มีแต่ทุกข์เท่านั้นเกิดขึ้น มีแต่ทุกข์เท่านั้นตั้งอยู่

มีแต่ทุกข์เท่านั้นดับไป นอกจากทุกข์-ไม่มี’*

ตอนที่อาตมาเห็นความคิด

ขณะนั้นกำลังเดินจงกรมในตอนเย็น

เดินไป-เดินมา ก็เห็นความคิด

เมื่อเราเห็นความคิด

เห็นสมุฏฐาน-ต้นเหตุที่เกิดกำเนิดของความคิดแล้ว

เกิดปรากฏในใจอาตมา

สมมติว่าตัวอาตมามีน้ำหนักตัว ๑๐๐ กิโลกรัม

อาตมาทำลายได้ทันที ตัวนี้เบาหวิวอย่างน้อย ๖๐ กิโลกรัม

ถ้าพูดอย่างเต็มใจแล้ว อาตมาทำลายความหนักใจได้ทันที

๘๐ กิโลกรัมจริง ๆ ในตอนนั้น

**ความมืดที่มันมืดตื้ออยู่ในจิต-ในใจ ก็สว่างโพลงขึ้นมา

แจ้งจริง ๆ อันนี้รับรองได้ว่าจริง ๆ**

ดังนั้น **‘ความเป็นพระ จึงเป็นที่จิต-ที่ใจ’**

อันพระสงฆ์-องค์เณรนี่ มันเป็นสมมติ

บวชแล้วก็สึก สึกแล้วก็บวช

จึงให้เรารู้จักสมมติบัญญัติ ปรมัตถ์บัญญัติ

อรรถบัญญัติ และอริยบัญญัติจริง ๆ

ถ้าหากเราไม่รู้สมมติบัญญัติ ไม่รู้ปรมัติบัญญัติ

ไม่รู้อรรถบัญญัติ และไม่รู้อริยบัญญัติจริง

มันก็ไม่ถูกต้องตามพุทธประสงค์…”

หลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ

————————————————————————————————

※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※

※ อย่าหลงตน-อย่าลืมตัว ※

※ ※

※ อย่าหลงกาย-อย่าลืมใจ ※

※ ※

※ อย่าหลงชีวิต ※

※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※

รู้สึกตัว…รู้สึกกาย รู้สึกใจ

_/|\_ _/|\_ _/|\_

ไม่มีคำอธิบายรูปภาพ


Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *