รู้สึกกาย รู้สึกใจ 12 มกราคม 2023

“วันนี้จะได้พูดธรรมสำหรับบุคคลผู้ที่ยังไม่เคยได้ยิน-ได้ฟัง

หรือยังไม่เคยเข้าใจเรื่องในการปฏิบัติธรรม

หรือยังไม่เคยเข้าใจเรื่องชีวิตของตัวเอง

เมื่อได้ยิน-ได้ฟังแล้ว ผู้ที่ฟังนั่นแหละต้องพิจารณา

ใคร่ครวญด้วยสติปัญญาของตัวเอง ว่าชีวิตนี้มีอยู่เพื่ออะไร ?!

และธรรมะนั้น มีเพื่อไว้ใช้ประโยชน์อะไร ?

ธรรมะกับชีวิตมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันโดยวิธีใด ?

ต้องพิจารณาด้วยตัวเอง อันนี้เป็นลักษณะของบุคคลผู้มีปัญญา

ส่วนบุคคลผู้ที่ไม่มีปัญญา หรือมีปัญญาแต่ไม่แหลมคม

ต้องมีวิธีการและเทคนิค โดยให้เคลื่อนไหวตัวเอง

**อันนี้เป็นการปฏิบัติธรรม และเป็นการปฏิบัติชีวิต

เป็นการปฏิบัติจิต-ปฏิบัติใจ เคลื่อนไหวโดยวิธีใด-ก็ให้รู้**

เรื่องนี้ประกาศมา-พูดมาให้คนฟังมาตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๐๓

พูดมาอยู่อย่างนั้นตลอดมา แม้ตัวเองจะอยู่ที่ไหน-ก็พูดแต่เรื่องนี้

เพราะว่า**เรื่องนี้-มันเป็นเรื่องสำคัญ

เรื่องจิต-เรื่องใจของคนทุกคนนี้ มันเหมือนกัน

จึงต้องปฏิบัติได้เหมือนกัน ผู้หญิงก็ปฏิบัติได้-ผู้ชายก็ปฏิบัติได้

พระสงฆ์-องค์เณรก็ปฏิบัติได้ คนไทย-คนจีนก็ปฏิบัติได้

ธรรมะนั้นจึงเป็นอันเดียวกัน-เหมือนกัน

หรือว่าชีวิต-จิตใจก็เหมือนกัน เป็นอันเดียวกัน-เหมือนกัน**

ดังนั้น จึงแนะนำบุคคลผู้ที่ยังไม่มีปัญญาแหลมคม**ให้เคลื่อนไหว

นี่-เทคนิคของมัน นั่งพับเพียบก็ได้-นั่งเหยียดขาก็ได้

นั่งขัดสมาธิก็ได้ นั่งเก้าอี้ห้อยเท้าอยู่ก็ได้

เอามือวางไว้บนขาทั้ง ๒ ข้าง-คว่ำไว้

ค่อย ๆ พลิกมือขวาขึ้น-เคลื่อนขึ้นมา ให้รู้สึก

*ในขณะที่มันเคลื่อนขึ้นมานั้น ให้รู้สึกตัว

เรียกว่า‘ตั้งใจ’ หรือว่า‘ตั้งสติ’

ตะแคงตั้งไว้ตรง ๆ ไม่ให้มันเอน-มันเอียง

ยกขึ้นครึ่งตัว-ยกขึ้นตรง ๆ ครึ่งตัว แล้วก็หยุดไว้

มันหยุด-ก็ให้รู้สึกว่ามันหยุด มันนิ่ง-มันไม่เคลื่อนไม่ไหว…ก็ให้รู้สึก

เรียกว่าให้มันสัมผัสแนบแน่นอยู่กับสิ่งนั้น ๆ

บัดนี้ค่อย ๆ เคลื่อนเลื่อนมือขวานั้นลงมาที่สะดือ

เมื่อมือมาถึงที่สะดือ-แนบแน่นอยู่กับที่สะดือแล้ว

ให้มีความรู้สึกสัมผัสหรือผัสสะอยู่กับสิ่งนั้น ๆ

บัดนี้พลิกมือซ้ายขึ้น-ตั้งชันตะแคงไว้ตรง ๆ ให้มีความรู้สึก

เคลื่อนไหวยกขึ้นครึ่งตัว ให้มีความรู้สึกตัว

เอามือมาแนบไว้ที่มือขวา ให้มีความรู้สึก

หยุดเป็นพัก-เป็นพัก ให้มีความรู้สึกเป็นพัก-เป็นพัก

แม้จะเคลื่อนไหวโดยวิธีใดก็ตาม ให้มีความรู้สึกตัวอยู่อย่างนั้น

เรียกว่ามีสติ-มีสมาธิ-มีปัญญา เป็นการปฏิบัติธรรม

เป็นการปฏิบัติชีวิต เป็นการปฏิบัติจิตใจ**

ชีวิตที่มีอยู่ ก็เพราะลมหายใจ

ธรรมะมีอยู่ได้ก็เพราะมีลมหายใจ เพราะมีการเคลื่อนไหว

จิตใจที่มันนึก-มันคิดอยู่ตลอดเวลา เพราะมันมีชีวิต-มีจิตมีใจ-มีลมหายใจ

คนมันต้องเคลื่อนไหวอยู่อย่างนั้นตลอดเวลา

ดังนั้นจึงแนะนำหรือชี้แนววิธีปฏิบัติโดยวิธีเคลื่อนไหวนี้

ให้กับบุคคลผู้ที่ไม่มีปัญญาเแหลมคม

เมื่อปฏิบัติไป ให้รู้สึกว่าการเคลื่อนไหวขึ้นนั้น-เป็นรูป

สิ่งที่รู้การเคลื่อนไหวขึ้นนั้น-เป็นนาม

รูปกับนาม-มันจึงติดกัน แยกออกจากกันไม่ได้

ถ้าแยกออกจากกันได้เมื่อใด เมื่อนั้นก็หมดลมหายใจ-หมดชีวิต-หมดจิตหมดใจ

เรียกว่าตาย มันเป็นอย่างนั้น

แล้วก็ปฏิบัติธรรมะไม่ได้-ปฏิบัติชีวิตไม่ได้-ปฏิบัติจิตใจไม่ได้

ปฏิบัติได้-เห็นได้-รู้ได้-เข้าใจได้ แต่เมื่อมีชีวิต-มีจิตมีใจ-มีลมหายใจอยู่นี่เอง

นี้เป็นการปฏิบัติธรรม และ**ทุกคนปฏิบัติได้**

ดังนั้น**ธรรมะหรือคำสอนของพระพุทธเจ้านั้น จึงเป็นสากล

คำว่า‘เป็นสากล’นี้ คือทุกคนปฏิบัติได้และปฏิบัติอยู่ที่ใดก็ได้

เป็นพระสงฆ์-องค์เจ้าก็ปฏิบัติได้ เป็นญาติ-เป็นโมก็ปฏิบัติได้

เป็นชาติใด-ภาษาใด-ถือศาสนาไหน ก็ปฏิบัติได้

ถือลัทธิใดก็ได้-ไม่ต่างกันเลย เพราะว่ามันมีกายกับใจทุกคน**

นี่เป็นภาษาที่เราพูด

ส่วนภาษาธรรมะ เมื่อปัญญาเกิดขึ้นนั่นเรียกว่า‘รูป’กับ‘นาม’

รูปได้แก่ร่างกาย นามได้แก่จิตใจ

กายก็ที่เรามองเห็น ใจก็ที่เรามองไม่เห็น…มันนึก-มันคิด

**เราต้องปฏิบัติเรื่อย ๆ อย่าเห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อย**

ถ้าเราไปนึกว่าเหน็ดเหนื่อย-แล้วหยุด อันนั้นเรียกว่าไม่ติดต่อ-ไม่สัมพันธ์กัน

คือมันไม่โยงกันตั้งแต่ต้นจนปลาย

การปฏิบัติให้ติดต่อ-ให้สัมพันธ์โยงกันตั้งแต่ต้นจนปลายนั้น

ก็หมายถึง**เราเคลื่อนไหวโดยวิธีใด ก็รู้

ตาของเรากะพริบตา-ก็รู้ เหลียวซ้าย-แลขวา…ก็รู้

หายใจเข้า-หายใจออก…ก็รู้ กลืนน้ำลาย-ก็รู้

จิตใจมันนึก-มันคิด…ก็รู้ อันนี้เรียกว่า‘เห็นธรรม’

การเห็นธรรมนั้น ไม่ต้องไปเห็นที่นอกตัว**

*ถ้าเห็นนอกตัวออกไปนั้น มันเป็นมายาของจิตใจ

มันหลอกลวงเรา มันโกหกเรา*

คนโบราณท่านจึงสอนเอาไว้ว่า‘จิตคนนี้กลอกกลับได้ไว-ดุจมีลานไขในตน

เราท่านควรบังคับกล ให้จิตหมุนมาแต่ในทางข้างดี’

เพราะถ้าปล่อยให้มันคิดไปตามอารมณ์ เรียกว่า‘หมุนไปในทางข้างกี’

‘ข้างกี’ ก็หมายถึงความชั่วร้าย-หมายถึงกิเลสนั่นเอง

‘ธรรมที่มีก็จักหนี-จักหน่าย หายสูญ’

ธรรมที่มีคือตัวรู้นั่นเอง ตัวสติ-ตัวสมาธิ-ตัวปัญญานั่นเอง

ถ้าหากเราไม่รู้ ก็เรียกว่าธรรมที่มีได้หนีหน่าย-หายสูญแล้ว

‘อธรรมเข้าครอบงำ ความระยำสัมบูรณ์-มันก็ปลิ้นปลอกหลอกเรา’

ปลิ้นปลอกหลอกตน

อธรรมก็คือเราไม่รู้-เราไม่เข้าใจธรรมนั่นเอง *มันปลิ้นปลอกหลอกเรา

จึงเห็นอันนั้น-เห็นอันนี้ที่นอกตัวเราออกไป

เพราะเราไม่ได้ศึกษา-ไม่ได้ปฏิบัติกับธรรมชาติ*

ธรรมชาติของคนนี้ มันมีขา-มีแขน-มีมือ-มีเท้า-มีตา-มีหู-มีจมูก-มีลิ้น

กินข้าว-กินน้ำ-อุจจาระ-ปัสสาวะได้

นี่คือธรรมชาติของมันจริง ๆ **ศึกษามันลงไปที่ตรงนี้

เมื่อศึกษากันลงไปที่ตรงนี้ มันก็รู้จริง-เห็นจริง

เห็นเรานั่ง-เห็นเรายืน-เห็นเราเดิน-เห็นเรานอน

อันนี้แหละคือธรรมชาติ

นอกจากนี้ก็มีหายใจเข้า-หายใจออก และก็มีจิตใจมันนึก-มันคิด

เราอย่าเข้าไปในความคิด**

*เวลามันนึก-มันคิด…เราไม่เห็น มันก็คิดออกไปข้างนอก-คิดออกไป*

บางครั้ง-บางคราวนอนไม่หลับ เป็นอย่างนั้น

นักศึกษาเรียนหนังสือ ถ้าหากเรียนทางธรรมเป็นนักธรรมตรี-โท-เอก

เป็นมหาเปรียญ ๓-๔-๕-๖-๗-๘-๙ ก็ตาม

ถ้าไม่ได้ดูชีวิต-ดูจิตใจของเราแล้วนั้น ก็เรียกว่าเรียนออกนอกตัวไป

*จิตใจมันนึก-มันคิดผ่านเลยออกไปข้างนอก ไม่เห็น-ไม่รู้-ไม่เข้าใจ

ทุกข์เกิดขึ้น ผลจากการที่ไม่เห็นนั่นแหละนำมาให้เป็นทุกข์*

นอนไม่หลับ-กินไม่ได้ เป็นโรคประสาทไปก็มีกันเป็นจำนวนมาก

แม้คนเรียนทางโลกก็เหมือนกัน ตั้งแต่ ป.๑ ถึง ป.๖ ป.๗ หรือ ม.๑ ถึง ม.๖ ม.๘

ตัวอาตมาไม่เคยเรียน เพียงแต่เคยได้ยินเพื่อนฝูง-เพื่อนมนุษย์

คนทั่วไปเคยพูดให้ฟังอย่างนี้ ก็เลยจำมาพูดให้ฟัง

เมื่อเรียนจบม. ๘ แล้ว ก็สอบเข้ามหาวิทยาลัย

เรียนปริญญาตรี-ปริญญาโท-ปริญญาเอก ได้หลายปริญญาเอกก็ตาม

*ถ้าหากยังไม่เห็น-ไม่รู้-ไม่เข้าใจความคิด ความคิดมันก็ส่ายส่งเลยออกไปข้างนอก

เมื่อมันออกไปข้างนอก มันก็ไปทรงจำเรื่องนั้น-เรื่องนี้

คิดดีใจ-เสียใจ ผลที่ออกมาก็ได้รับทุกข์*

กินไม่ได้-นอนไม่หลับ เป็นโรคประสาทกันก็มีเป็นจำนวนมากเช่นเดียวกัน

การศึกษาแบบนั้น ๆ นั่นก็ดีแล้ว

บางคนก็ไม่เป็นอย่างที่ว่ามานั้น แต่บางคนก็เป็น

*การที่เป็นเช่นนั้น ก็เพราะไม่รู้กลไกเทคนิคของจิต-ของใจนี้เอง*…”

หลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ

————————————————————————————————

※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※

※ อย่าหลงตน-อย่าลืมตัว ※

※ ※

※ อย่าหลงกาย-อย่าลืมใจ ※

※ ※

※ อย่าหลงชีวิต ※

※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※

รู้สึกตัว…รู้สึกกาย รู้สึกใจ

_/|\_ _/|\_ _/|\_

ไม่มีคำอธิบายรูปภาพ


Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *