รู้สึกกาย รู้สึกใจ 13 เมษายน 2023

“…พอดีรู้อันนี้แล้ว(รู้วัตถุ-ปรมัตถ์-อาการ) ก็เลยเข้าใจโทสะ-โมหะ-โลภะ

*เมื่อก่อนเราก็เคยเข้าใจว่าของสิ่งเหล่านี้เป็นของเลวร้าย

แต่เราไม่เห็น เราเพียงพูดได้*

**มาบัดนี้เรามาเห็น-เรามารู้-เรามาเข้าใจ สัมผัสแนบแน่นอยู่กับสิ่งเหล่านี้

เมื่อเห็นสิ่งเหล่านี้-เข้าใจสิ่งเหล่านี้แล้ว สิ่งเหล่านี้ก็เบาบางไป**

แล้วก็มาเห็น-รู้-เข้าใจ สัมผัสตัวเวทนา-สัญญา-สังขาร-วิญญาณ

มันเป็นขั้น-เป็นตอนไปอย่างนั้น

พอดีรู้จบพักนี้แล้วก็…

แต่ในขณะนั้นมันเร็วที่สุด-ไวที่สุด จิตใจผมเปลี่ยนจากสภาพหนึ่งไปสู่สภาพหนึ่งแล้ว

คล้าย ๆ กับเราข้ามคลองเข้ามาในวัดเรา

ทีแรกอยู่ฝั่งคลองฟากนั้น-เรากระโดดข้ามคลองมาฟากนี้ แพล๊บเดียวเท่านั้นเอง

จิตเปลี่ยนอีก-ครั้งที่ ๒ คือพอดีมาเห็นกิเลส-ตัณหา-อุปาทาน-กรรมนี่

จิตใจมาเปลี่ยนอีกครั้งหนึ่ง พักนั้นไม่ได้เป็นปีติมาก-เป็นนิดเดียวเท่านั้นนะ

บัดนี้เกิดปีติขึ้นมาแล้ว

*ปีติคือความพอใจ-ความอิ่มใจ

ตามตำรับ-ตำรา ครูบาอาจารย์…ท่านว่ามันดี-ว่างั้น

มันเกิดวิตก-วิจารณ์ขึ้นมา เป็นอย่างนั้น

พอใจในการกระทำของตัวเอง เป็นปีติ-เป็นจินตญาณ

เป็นความรู้ที่ละเอียดที่สุด เป็นอย่างงั้น

อันนี้ไม่ค่อยดีแล้ว แต่คนมันไม่เข้าใจ

ตัวผมเอง ตอนผมเป็น-ผมไม่เข้าใจ

ตราบใดที่ยังไม่เลยไป-ยังไม่ผ่านไป-(ยังไม่)พ้นไปจากสิ่งนี้ได้

จะยังไม่เข้าใจสิ่งนี้ มันไม่เข้าใจจริง ๆ*

น้ำหนักตัวของผม ผมเคยกำหนดเอาไว้ทีแรกว่า

‘อืม…ในขณะนี้น้ำหนักเรา ๑๐๐ กิโล เดี๋ยวนี้สลัดทิ้งไปแล้ว ๖๐ กิโล’-อย่างน้อย ๆ ว่างั้น

ถ้าพูดในขณะที่ผมเป็นจริง ๆ นั้น ผมว่าผมสลัดทิ้ง ๘๐ กิโล

**ความหนักอก-หนักใจ ความมืดใจ-ความแน่นใจอะไรทั้งหมดนั่นแหละ

มันสว่างขึ้นมา-มันเบาขึ้นมา มันเป็นอย่างนั้น

เลยรู้จัก ความเป็นพระเกิดขึ้นในขณะนั้นล่ะ**-ขณะนั้นเป็นโยมนะ

*พระนั้น-มิได้หมายถึงสิ่งที่สมมตินะ* แต่ก่อนยังไม่รู้

เมื่อรู้รูป-นามแล้ว ก็ยังไม่รู้…เพียงแต่ดีใจเฉย ๆ

ดีใจว่า‘ศาสนาพุทธ ศาสนา บาป-บุญนี่…รู้จัก’

**สมมตินี่ ให้รู้จักจริง ๆ**

พอดีมาตกตอนนี้แหละ รู้จักสมมติบัญญัติ-ปรมัตถ์บัญญัติ-อรรถบัญญัติ-อริยบัญญัติ

มารู้จักตอนนี้-ตอนจิตใจมาเปลี่ยนนี่ เปลี่ยนตอนนี้แล้ว-มันจึงรู้จัก

เมื่อก่อนไม่รู้ รู้ก็เพียงพูดว่าบัญญัติขึ้นมา-สมมติขึ้นมา

คือรู้ แต่ว่ายังไม่เข้าใจ-ไม่ซาบซึ้ง-ไม่แจ่มแจ้ง

**เมื่อจิตใจเราเปลี่ยนไปอย่างนี้ เลยเข้าใจซาบซึ้งแจ่มแจ้งได้ดี

ใครจะพูดเรื่องอะไร-ก็เข้าใจ เข้าใจในคำพูดของตัวเอง

และเข้าใจในคำพูดของคนอื่นที่มาพูดให้เราฟัง เข้าใจดี**

ให้เข้าใจ *ปฏิบัติธรรม…มันมีอุปสรรคไปเป็นพัก-เป็นพัก

เป็นขั้น-เป็นตอนไป* ก็เลยในขณะนั้นรู้จัก

‘อืม จิตใจเปลี่ยนพักนี้เป็นมรรค-จิตใจเปลี่ยนพักนี้เป็นผล’

มันเป็นอย่างนั้น เข้าใจอย่างนั้น

ในขณะที่ผมเป็น-จิตใจเปลี่ยนนี่ ผมกำลังเดินไป-เดินมา

มันเป็นตอนเย็น ตอนเช้านั้นผมรู้เรื่องรูป-นาม

ตอนเย็นนี้ ผมก็มารู้เรื่องปรมัตถ์นี่ละ

รู้แล้วก็มานอนราว ๆ ๓ ทุ่มกว่านี่ล่ะ

นอนแล้วก็ตื่นขึ้นมาประมาณตี ๒-ตี ๓ นี่ล่ะ

ผมก็มาทำธุระ-นั่งสร้างจังหวะ **ทำความเพียร-รู้สึกตัว

ทำความเคลื่อนไหว-รู้สึกตัว ให้มันรู้สึกตัวมาก ๆ ครับ

พยายามให้มันอยู่กับสิ่งนั้นมาก ๆ** พอดีมันเหนื่อยแล้ว-ก็พอ

เช้ามืดตอนที่พระทำวัตรอย่างที่เราทำกันเมื่อกี้นี้ล่ะ

แต่ตัวผมลุกออกมาเดินจงกรม พอมาเดิน-มีเทียนไขจุดไว้

มีตะขาบ-บ้านผมเรียกว่าขี้เข็บ ตัวหนึ่งมันแล่นผ่านหน้าผมมา

ผม‘อื้อ’ ตะขาบมันเคยกัด-มันเคยกัดครั้งหนึ่งนานมาแล้ว…เจ็บ

ก็เลยเอาเทียนไขตามไป แต่ไม่เห็น

เมื่อไม่เห็น ผมก็เอาเทียนไขกลับไปวางไว้ที่เดิม

เดินกลับไป-กลับมา เลยรู้จักขึ้นครับ-ศีล

‘ศีลเป็นเครื่องกำจัดกิเลสอย่างหยาบ

สมาธิเป็นเครื่องกำจัดกิเลสอย่างกลาง

ปัญญาเป็นเครื่องกำจัดกิเลสอย่างละเอียด’

นี้เป็นคำพูด เป็นตัวหนังสือในตำรับ-ตำรา

ครูบาอาจารย์ท่านเล่าให้ฟังครับ

แต่ก่อนไม่เคยรู้ ศีล-เคยเข้าใจว่าก็ต้องเป็นศีล ๕

ศีล ๘ ศีล ๑๐ ศีล ๒๒๗ ศีล ๓๑๑…เข้าใจไปอย่างนั้น

บัดนี้พอมาเข้าใจตอนเช้าวันนี้ล่ะ เลยเข้าใจว่า**ศีลหมายถึงปกติ

ศีลเป็นเครื่องกำจัดกิเลสอย่างหยาบ**

‘โอ-กิเลสอย่างหยาบ

*โทสะ-โมหะ-โลภะ กิเลส-ตัณหา-อุปาทาน…นี้เป็นกิเลสอย่างหยาบ’*

**บัดนี้เมื่อกิเลสอย่างหยาบลดน้อยถอยลงไปแล้ว

คล้าย ๆ คือมันจะสะอาดขึ้นมา**

แต่คนเรามันมีกายกับใจ

ส่วนกายนี้เขาเรียกว่า‘รูป’ รูป-เวทนา-สัญญา-สังขาร-วิญญาณ

นี้เขาเรียกว่า‘ขันธ์ ๕’…รูปขันธ์-เวทนาขันธ์-สัญญาขันธ์-สังขารขันธ์-วิณญาณขันธ์

ผมรู้อย่างนี้ พอรู้อย่างนี้-ผมก็รู้ขันธ์ ๔ ขึ้นมาเลย

ขันธ์ ๔ นี้ เขาไม่ได้เอารูปนี้เลย

คือเอาไปตั้งแต่เวทนาขันธ์-สัญญาขันธ์-สังขารขันธ์-วิญญาณขันธ์

อันนี้เป็นขันธ์ ๔ ขึ้นมา ขันธ์ ๆ เดียว-ผมก็รู้ขึ้นมานี่

*ถ้าหากกิเลสเหล่านี้ไม่ลดน้อยถอยลง

ยังไม่เบาลง-หรือยังไม่จืดจางไป ศีลยังไม่ปรากฏ*

**ศีลจึงว่า‘เป็นเครื่องกำจัดกิเลสอย่างหยาบ’

ศีลนั้นคือ เป็นปรากฏขึ้นมาในใจว่า‘เป็นปกติ’

เมื่อเรามีปกติอยู่แล้ว อะไรมาแตะต้องเรา-มาสัมผัสเรา

เราต้องเข้าใจ-ต้องเห็น-ต้องรู้

ความคิดที่มันคิดวูบขึ้นมา ต้องรู้-รู้ทันที

รู้แล้ว-ความคิดนั้นถูกหยุดไป** ให้เข้าใจอย่างนั้น

พอดีเป็นอย่างนั้น ก็เลยเข้าใจเรื่องศีล

ศีล-ทีแรกที่ผมเข้าใจนั้น ผมเข้าใจในรูปของขันธ์

ศีลขันธ์-สมาธิขันธ์-ปัญญาขันธ์

ขันธ์แปลว่าต่อสู้ ขันธ์แปลว่ารองรับ ขันธ์คือถลุงเข้าไป

ขันธ์ดี ถ้ามันดี…มันไม่แตก-ไม่พังนะ

ขันธ์ดี เอาไปตักน้ำก็ได้กิน-เอาไปทำอะไรได้ทั้งนั้น

เอาไปตักข้าวใส่บาตรให้พระก็ดี

เอาไปตักอาหารกินก็ดี เอาไปตักน้ำกินก็ได้

ถ้าขันธ์แตกหรือขันธ์ไม่ดี ตักน้ำก็ไม่ได้กิน

เอาไปตักอาหารการกินก็ไม่ได้ ใช้ไม่ได้-ขันธ์ไม่ดี

หรือเอาไปตักข้าวใส่บาตรพระ-มันก็ไม่สวย นี่-เข้าใจอย่างนั้น

**การปฏิบัติธรรม ก็ต้องปฏิบัติให้มันดี-ให้มันเข้าใจจริง ๆ

ถ้าเราทำจริง ๆ มันก็ต้องรู้จริง**

*ถ้าทำไม่จริง มันก็จะรู้ของไม่จริง!*…”

หลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ

————————————————————————————————

※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※

※ อย่าหลงตน-อย่าลืมตัว ※

※ ※

※ อย่าหลงกาย-อย่าลืมใจ ※

※ ※

※ อย่าหลงชีวิต ※

※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※

รู้สึกตัว…รู้สึกกาย รู้สึกใจ

_/|\_ _/|\_ _/|\_

ไม่มีคำอธิบายรูปภาพ


Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *