รู้สึกกาย รู้สึกใจ 14 เมษายน 2023

“…เมื่อรู้จักอันนี้ดีแล้ว(ศีลขันธ์-สมาธิขันธ์-ปัญญาขันธ์)

ก็เลยรู้จักอธิศีลสิกขา-อธิจิตตสิกขา-อธิปัญญาสิกขา

อันนั้นมันเป็นตำราพูด แต่**ความจริงที่มันปรากฏขึ้นมานั้นว่า

‘ศีลขันธ์-สมาธิขันธ์-ปัญญาขันธ์’ ผมเข้าใจอย่างนั้น

พอดีรู้อันนี้แล้วก็สมาธิเป็นเครื่องกำจัดกิเลสอย่างกลาง

เลยรู้จักสมถกรรมฐานกันที่ตรงนี้

‘สมถกรรมฐานนั้น-มันสงบเรื่องนั้น

ที่เราทำมาแล้วนั้น-มันสงบไปอย่างนั้น’…เข้าใจ**

จึงว่าผมกล้ายืนยันรับรองการกระทำของตัวเอง

แต่คนอื่นจะเป็นอย่างไร ไม่รู้-ไม่ทราบ

เรื่องความสงบแบบนี้ ผมเคยพูดบ่อย ๆ ละว่า

‘ใครต้องการ-ทำได้ไม่เกิน ๓๐ วัน ต้องรู้-ต้องเข้าใจ’

สมาธิที่ไปนั่งให้มันตัวแข็งทื่อเนี่ยะ ผมทำ…ผมมีวิธี-มีเทคนิค-มีกลไก

รู้จักวิธีที่จะนั่งอย่างนั้น-ให้มันไปเป็นอย่างนั้น มันสงบได้จริง

เรียกว่า*‘สมถกรรมฐานเป็นอุบายให้สงบใจเท่านั้น’

เมื่อสงบอย่างนั้น มันไม่ใช่สงบจริง-มันสงบแบบไม่รู้

เรียกว่า‘รู้อย่างไม่รู้’ อันนี้น่ะ*

**ส่วนรู้อย่างผู้รู้นั้น ต้องรู้จริง-เห็นจริง-เข้าใจจริง**

สมถะกับวิปัสสนา มันจึงแยกกันที่ตรงนี้

**วิปัสสนา มันไม่ใช่สงบอันนั้น

อันนั้นมันสงบสมถกรรมฐาน เกิดความรู้-ความเห็น-ความเข้าใจ**

*(สงบ)จำพวกนี้อยู่ในอำนาจของกาม

กามนี้-ใครก็รู้นี่…กามก็เป็นกิเลสแล้วนี่ กามาสวะ-ภวาสวะ-อวิชชาสวะ

จำพวกสมถกรรมฐาน จึงไปติดความสงบอยู่ในอำนาจของกาม

อยู่ในอำนาจของภพ-อยู่ในอำนาจของอวิชชา จึงไม่รู้-เข้าใจอย่างนั้น*

**เมื่อเราเห็นอันนี้แหละ อันนั้นก็เลยสลายไป

ก็เลยรู้จัก ‘เออนี่-สมถกรรมฐานมันติดอยู่แค่นี้

แล้วมันก็แยกไปข้างนั้น’**

สมมติให้ฟัง มันเหมือนกับเรามีทางไป-ทีแรก(มี)เส้นเดียว

แล้วมันไปแยกกันออกเป็น ๒ ทาง

ทางหนึ่งไปข้างขวา อีกทางหนึ่งไปทางซ้าย

ทีแรกที่เราเดินไปแต่ต้นทางนั้น มันเป็นทางเดียวกันซะ

แต่พอไปถึงที่นั่น-มันก็เลยแยกกัน มันเป็นอย่างนั้น

บัดนี้ถ้าเราเดินแยกไปข้างซ้าย-ก็ผิด ถ้าเรามาข้างขวานี้-ก็ถูกต้อง

ก็เลยมาเห็น-มารู้-มาเข้าใจ-สัมผัสแนบแน่น

คำว่า‘กาม’นี้ ไม่ใช่ว่ากามโดยที่สัมผัสทางเนื้อหนังนะ

คำว่า*‘กาม’อยู่ในอำนาจของกาม-อยู่ในอำนาจของภพ

คือมันตกอยู่ในอำนาจของจิตใจในความสงบ

อยู่ในอำนาจของความมีภพ-มีชาติ

ฉะนั้นจึงว่าอยู่ในอำนาจของอวิชชา-ไม่รู้*

คนโดยมากจึงได้เข้าใจว่า ตายแล้วจะต้องไปเป็นอย่างนั้น

ตายแล้วจะต้องไปเป็นอย่างนี้ ระลึกชาติได้

อันนั้น-อย่างนั้นก็ดีเหมือนกัน ผมไม่ได้ปฏิเสธ

คือความเห็นของคนนั้นเป็นอย่างนั้น

ซึ่งเมื่อก่อนนั้น ผมก็เข้าใจอย่างนั้น

แต่บัดนี้เรามาเข้าใจอย่างนี้ ก็เลยเลิกละจากสิ่งนั้นได้

ก็เลยมาเข้าใจเรื่องการกระทำดีด้วยกาย

กระทำดีด้วยวาจา กระทำดีด้วยใจ

‘ทำดีด้วยกาย’ คือเอากายนี้ไปทำดี-เอารูปนี้ไปทำดี

แต่คำพูดยังพูดชั่ว-พูดเลวทราม และใจก็คิดไปอีกอย่างหนึ่ง

ถ้าหากสวรรค์มี-จะไปเกิดอยู่ชั้นไหน นานเท่าใด…กี่ปี-กี่เดือน

ไปรู้อันนี้ล่ะ

ทำดีด้วยคำพูด ถ้าสวรรค์มี-จะไปเกิดชั้นไหน

ทำดีด้วยใจเฉย ๆ หากสวรรค์มี-จะไปเกิดชั้นไหน

นิพพานมี-รู้จัก

บัดนี้ทำดีด้วยกาย-ด้วยวาจา-ด้วยใจพร้อมกันเลย

อย่างที่พวกเรามาทำอยู่เดี๋ยวนี้นี่แหละ

กายก็ไม่ทำทุจริต-คำพูดก็ไม่ได้พูดโกหก และใจก็ไม่ได้คิดไปไหน

**รู้สึกตัวอยู่เสมอ** มันเข้าใจอย่างนั้น

**มันจึงพร้อมกันเข้าทั้งหมด มีทั้งศีล-มีทั้งสมาธิ-ทั้งปัญญา

พร้อมกันหมดแล้ว บริบูรณ์แล้วทุกสิ่ง-ทุกอย่างแล้วนี่**

ถ้าหากตายไป-สวรรค์มี จะไปเกิดชั้นไหน

นิพพานมี-จะไปเกิดชั้นไหน และจะเสวยผลนั้นนานกี่ปี-กี่เดือน

มันเข้าใจไปอย่างนั้น

ทีนี้เลยมาทางตรงกันข้าม

ทำบาป-ทำชั่วด้วยกาย…แต่คำพูด-พูดดี ส่วนมือ-เท้าเราทำชั่ว

ถ้าตายลงไปตกนรก…จะไปตกนรกขุมไหน นานกี่ปี-กี่เดือน-กี่วัน

นี่เข้าใจอย่างนั้น

ทำชั่วด้วยวาจา บัดนี้กายไม่ทำ-แต่วาจาทำ

พูดแต่ความเลวร้าย-พูดแต่ความชั่ว

ตายลงไป…ตกนรกขุมไหน นานกี่ปี-กี่เดือน

เข้าใจอย่างนั้น

ทำชั่วด้วยใจ รูปก็ไม่ทำ-คำพูดก็ไม่พูด…แต่ใจมันคิด

ใจมันคิดนี้ คนอื่นไม่เห็น-ไม่รู้นะ

ใจมันคิดชั่ว คิดอย่างนั้น-คิดอย่างนี้

ถ้าหากตายลง-จะไปตกนรกขุมไหน นานกี่ปี-กี่เดือน

เข้าใจอย่างนั้น

บัดนี้ชั่วทั้ง ๓(อย่าง)นั้น กายก็ทำชั่ว-คำพูดก็ชั่ว-ใจก็คิดชั่ว

รวมกันเข้าเป็นอันเดียวกัน

ตายลงไป-ตกนรกขุมไหน นานกี่ปี-กี่เดือน

มันเข้าใจอย่างนั้น มันแยกแยะไปอย่างนั้น

**พอดีเห็นอันนี้แหละ มันตรงกันข้าม

เหมือนกับอะไรต่าง ๆ มันหลุดออกไปทั้งหมดเลย

อาการเกิดดับก็ปรากฏขึ้นให้เห็น-ให้รู้-ให้เข้าใจ**

ผมเคยพูดให้ฟังว่า*‘คนที่จะหมดลมหายใจนั้น-จะต้องมาเป็นที่ตรงนี้

แต่มันไม่รู้อารมณ์ จึงไม่เห็น-ไม่รู้-ไม่เข้าใจสภาพ

หรือภาวะของอาการเกิดดับที่มาเกิดขึ้นที่ตรงนี้*

เรื่องเห็นการกระทำ และผลของการกระทำนั้น

เราจะเห็นความชั่วก่อนก็ได้ หรือจะมาเห็นความดีก่อนก็ได้

แต่*ถ้าหากว่าการเกิดดับนี้ยังไม่ปรากฏแล้ว ก็ไม่รู้-ไม่เข้าใจตัวนี้’*

คนอื่นเขาอาจจะรู้ คนอื่นเขาอาจจะเข้าใจ

แต่ที่ผมพูดนี้ **ผมรับรอง-ประกันว่า‘มันต้องรู้จริง-เห็นจริง

ความรู้แจ้ง-เห็นจริงนี้ มันต่างเก่าล่วงภาวะเดิม-ล่วงภาวะจริง ๆ’**…”

หลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ

————————————————————————————————

※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※

※ อย่าหลงตน-อย่าลืมตัว ※

※ ※

※ อย่าหลงกาย-อย่าลืมใจ ※

※ ※

※ อย่าหลงชีวิต ※

※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※

รู้สึกตัว…รู้สึกกาย รู้สึกใจ

_/|\_ _/|\_ _/|\_

ไม่มีคำอธิบายรูปภาพ


Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *