รู้สึกกาย รู้สึกใจ 16 เมษายน 2023

“…**มันเป็นวิธีบวกกับลบ

มื้อหนึ่งเราคิด ๑๐๐ เรื่อง เรารู้เรื่องหนึ่ง

มันก็บ่ถึง ๑๐๐ แล้ว มันก็ได้ ๙๙ เท่านั้น

บัดนี้มันคิดมาอีก-เรารู้ ๒ เรื่อง

เรารู้ (ที่ไม่รู้)มันก็ลดลงมา-ลดลงมา

ทางนี้(เรารู้) ก็หลายขึ้น-หลายขึ้น

ทางลบก็ออกไป-ทางบวกก็ได้เพิ่มขึ้นมา เป็นอย่างนั้น

ฉะนั้นต่อมา เรื่องนี้นะ

ก็จะฝึกหัดกัน ให้หัดเบิ่งความคิด

พอดีมันคิดปุ๊บ ทันปุ๊บ**

‘ประมาณเท่าใดแล้ว ?’

ผู้ที่จะเป็นอาจารย์สอนคะเจ้า ต้องถามนักปฏิบัติ

(ถ้า)เรื่องรูป-นาม…รู้จักแล้ว สอนให้เบิ่งความคิด

ต้องสอนให้รู้จักว่า

คะเจ้าคิดลดลงได้แล้วอย่างน้อยต้อง ๗๐%

หรือ ๘๐% หรือ ๙๕%

ถ้าเข้ามาถึง ๙๕% แล้ว อาจารย์ต้องระมัดระวัง-เตรียมตัว

เราเป็นอาจารย์ต้องเตรียมตัว เตรียมตัวอย่างใด ?

ให้คนนั้นเข้าอยู่ในห้องอบรม

คอย(ระวัง)อย่าให้มีอารมณ์ไปพูด-ไปคุยกับคนอื่น

ให้คนนั้นคอยปฏิบัติจริง ๆ (แล้ว)คอยไปชี้แนะ

บ่ไปชี้แนะ มันบ่รู้จัก

เราบ่แม่นพระพุทธเจ้า เราเป็นปุถุชนนี่-คอยฟังเพิ่นชี้แนะ

เห็นไปตามแนวครูบาอาจารย์ เป็นอย่างนั้น

**พอดี มันซิเป็นเอง

เมื่อเป็นเองแล้วก็ดำเป็นขาว หนักเป็นเบา

โง่เป็นฉลาด หน้ามือเป็นหลังมือ

ตะกี้เอาหลังมือเป็นหน้ามือ บัดนี้เปลี่ยนหน้ากันแล้ว**

เป็นอย่างนั้น

บัดนี้ **ความรู้มันมีก่อน-ความโง่ซิหายไป

ความฉลาดเข้ามาแทน

ความดำมีอยู่-แต่ก่อนนะ

(ความ)ดำซิหายไป-ความขาวขึ้นมาแทน เป็นอย่างนั้น

ความเป็นปุถุชน บัดนี้ซิหายไป

ความเป็นอริยบุคคลซิขึ้นมาแทน

แทนไปเป็นลำดับ-ลำดับขึ้นไป เป็นอย่างนั้น-จนถึงที่สุด

มันต้องเป็นอย่างนั้นจริง ๆ**

พระพุทธเจ้าสอนแล้ว บ่ผิดคำสอนของพระพุทธเจ้า

ฉะนั้น **ความโกรธ-ความโลภ-ความหลง มันบ่ได้มีที่เรา**

*เราหลงชีวิตเรา เราบ่เคยเห็นชีวิตจิตใจของเรา

เมื่อผู้ใด-ผู้หนึ่งมา(ต่อ)ว่าให้เรา เราไปจับ

บ่แม่น(ใช้)มือจับ ตัวอวิชชานั่นไปจับเอามา

จับมาแล้วมันปรุงเป็นสังขาร

‘สังขาร’แปลว่าปรุงแต่ง มันหนักแล้ว-หนักใจ

หนักใจแล้วจึงโกรธ โกรธขึ้นมาแล้ว

บัดนี้เราบ่รู้จักทุกข์แล้ว

มันหนัก อย่างน้อยต้อง ๑๐๐% ก็เป็นได้นะ

อันนั้นเพิ่นว่า‘ตกนรกทั้งเป็น’*

ถ้าหากนรกต่อเมื่อตายมีแท้ก็เถอะ

ตายไปแล้ว(ต้อง)ไปตกนรกแท้ ๆ

เบื้องหน้า-ชาติหน้า เราบ่เห็น

นรกมื้ออื่น-ชาติหน้า เราบ่เห็น

**เราเห็นชีวิตจริง-ปัจจุบันเรานี่

เมื่อเราบ่มีทุกข์ในปัจจุบันนี้แล้ว

เราบ่มีความโกรธ-ความโลภ-ความหลง

ใครจะว่าอย่างใด เราอยู่ด้วยสติปัญญา

เห็นชีวิตจิตใจเราอยู่อย่างนี้ เราบ่มีทุกข์**-แม่นบ่ ?’

*คนมีทุกข์แล้วหนักใจ*-แม่นบ่ ?

คนหนักก็คือบักขี้หิน-แม่นบ่ ?

เอาหินไปโยนลงน้ำ มันซิฟูหรือมันซิจม ?

บัดนี้เอาไม้แห้ง ๆ ไปโยนลงน้ำ มันซิจมบ่ ?

แน่! อันนี้คือกัน

ฉะนั้น*จิตใจหนัก ๆ นี่

(ถ้า)ตายไปแล้ว ครันนรกมีจริง ๆ

ก็คือหินนั่นล่ะ จมปิ๊งลงไป-ตกนรกพู้นโลด*

บัดนี้**จิตใจมันเบา หากสวรรค์-นิพพานมีจริง

ตายไปแล้ว มันก็เบา-มันบ่จม**

ที่นี้สวรรค์-นิพพาน เราบ่เห็นด้วยตาเรา

คนโง่ซิเห็นอย่างใด มันต้องเป็นคนฉลาด

มันต้องเป็นลูกศิษย์ของพระพุทธเจ้า

**ผู้ใดเป็นลูกศิษย์พระพุทธเจ้า

เพิ่นว่า‘ได้กระแสพระนิพพาน

ได้ดวงตาเห็นธรรม จิตใจมันบ่หนัก’

หากสวรรค์-นิพพานมีจริง ตายแล้ว-ก็ต้องได้ไปจริง ๆ

บ่ต้องปรารถนาดอก**…”

หลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ

————————————————————————————————

※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※

※ อย่าหลงตน-อย่าลืมตัว ※

※ ※

※ อย่าหลงกาย-อย่าลืมใจ ※

※ ※

※ อย่าหลงชีวิต ※

※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※

รู้สึกตัว…รู้สึกกาย รู้สึกใจ

_/|\_ _/|\_ _/|\_

ไม่มีคำอธิบายรูปภาพ


Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *