รู้สึกกาย รู้สึกใจ 26 กุมภาพันธ์ 2023

หลักของพระพุทธศาสนา – วิธีดับทุกข์แบบของพระพุทธเจ้า (๒/๑๐)

“…**เมื่อรู้จักรูป-นาม

มันเป็นสภาวธรรมที่มีจริง-เห็นจริง

ตาเห็น-ก็รู้ ใจเห็น-ก็รู้

เมื่อเห็นอย่างนี้ก็รู้ว่า

‘โอ! ธรรมะนี้คือตัวเรา-ตัวคนทุกคนเป็นธรรมะ’

ผู้หญิง-ผู้ชาย เป็นธรรมะทั้งนั้น

คนไทย คนจีน คนฝรั่ง คนอังกฤษ คนเขมร คนอเมริกา

ล้วนเป็นธรรมะ

ธรรมะคือคน คนนี่เองทำ

เลยรู้จักรูปทำ-รู้จักนามทำ

ทำดี เราก็เรียก‘ธรรมะ’

ทำชั่วก็‘ธรรมะ’ เป็นธรรมะฝ่ายดำ-เรียกว่า‘อธรรม’

คำว่า‘ธรรม’ คือทรงไว้

‘โอ! ธรรมะนี่ คือคนจริง ๆ’

เรื่องการปฏิบัติธรรมนี้ เราต้องปฏิบัติที่ตัวเรานี้เอง

ดังนั้นคำสอนของพระพุทธเจ้าจึงสอน

ให้รู้ถึงความดับทุกข์และพ้นทุกข์ได้จริง ๆ

โดยปฏิบัติลงไปที่ตัวของเรานี้**

เมื่อรู้จักว่าคนคือธรรม-ธรรมคือคนแล้ว

เมื่อเห็นธรรม-รู้ธรรมอย่างนี้แล้ว

ก็เลยเข้าใจธรรมว่าถูกสมมติขึ้นมา

สมมติผี สมมติเทวดา

**ทุกสิ่ง-ทุกอย่างเป็นสมมติทั้งนั้น ให้รู้จักจริง ๆ

การรู้จักสมมติอันนี้ เป็นปัญญาเกิดขึ้นข้อแรก

จะว่า‘วิปัสสนา’ก็ได้ หรือว่า‘ปัญญาเห็นแจ้ง’ก็ได้

เห็นโดยชัดเจน ไม่เก้อเขิน

สามารถเรียกมาดู-เรียกมาพิจารณาได้ทุกคน ไม่ปิดบัง

ฉะนั้น คำสอนที่แท้จริงของพระพุทธเจ้านั้น

จึงกล้าพิสูจน์และยืนยันได้

รับรองได้ว่ามันเป็นอย่างนั้น

ถึงจะมีพระพุทธจ้าเกิดขึ้นก็ตาม

ไม่มีพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นก็ตาม

ธรรมะมันมีอยู่แล้ว**

เมื่อเป็นเช่นนี้เราก็เลยเห็นจริง ๆ

เมื่อเห็นสมมติแล้ว เราก็เลิกไหว้ผี-ไหว้เทวดา

การไหว้ทุกสิ่ง-ทุกอย่างที่เคยทำมานั้น เราเลิกหมด

เพราะเรารู้ว่าธรรมะคือตัวเรา

**ไม่มีสิ่งอื่นใดทั้งหมดที่จะมาบันดาลอะไรให้เราได้

นอกจากตัวเราเองแต่ผู้เดียวเท่านั้น**

อันนี้ก็เลยหมดทุกข์ในเบื้องต้น-ชั้นต้น

คือ ไม่เชื่อผี-เทวดา-ฤกษ์งามยามดี ไม่กลัวฤกษ์ยามอีกต่อไป

เพราะ**สิ่งใด-อันใด ก็ขึ้นอยู่กับการกระทำของเราโดยเฉพาะ

นี้เรียกว่า‘เราเห็น-เรารู้-เราเข้าใจจริง ๆ’**

จากนั้นก็มามีสติกำหนดรู้

ในการเคลื่อนไหวในอิริยาบถของเราต่อไป

เช่น กำมือ-เหยียดมือ…มีสติเข้าไปรู้

**เมื่อมีสติเข้าไปรู้ ความไม่รู้มันก็หายไปเอง**

*ความไม่รู้นั้น เรียกว่า‘โมหะ’*

**โมหะไม่มี เมื่อมีสติ

โมหะ-โลภะ-โทสะ ความจริงแล้วไม่ได้มีอยู่จริงเลย**

ทำไมจึงว่าไม่มี ?

ผมขอถาม :

ท่านทั้งหลายที่ฟังผมพูดอยู่ในขณะนี้ จิตใจเป็นอย่างไร ?

(ผู้ฟังตอบ : **เฉย ๆ)

อันนี้แหละ เป็นตัวธรรมชาติอันหนึ่ง

มันไม่สุข-ไม่ทุกข์ ไม่ไป-ไม่มา ไม่สั้น-ไม่ยาว

มันมีอยู่แล้ว**

*‘ตัวใจ’ กับ ‘ตัวรูปอันนี้’ มันเป็นคนละส่วน

แต่มันก็อาศัยซึ่งกันและกัน*

**ส่วนที่มองเห็นด้วยตานี้-เป็นรูป

ส่วนจิตใจที่มันนึกมันคิด-เป็นนาม**

เมื่อรู้จักเรื่องสมมติแล้ว

ต่อไปก็รู้จักศาสนา-พุทธศาสนา บาป-บุญ

‘บาป’ คือโง่

‘บุญ’ คือฉลาด

หรือว่ารู้แล้วก็เลิกละความหลงผิดได้-ไปเป็นคนฉลาด

‘ศาสนา’ คือตัวคน

‘พุทธศาสนา’ คือตัวสติปัญญาที่เข้าไปรู้ตัวจิต-ตัวใจ

‘พุทธะ’ แปลว่าผู้รู้

*ศาสนาที่เป็นวัตถุ อย่างวัดวาอาราม

โบสถ์วิหาร-พระพุทธรูป-เจดีย์นั้นก็ดี

ไม่ได้ปฏิเสธว่าไม่ดี

แต่เป็นเพียงศาสนาสมมติ ยังแก้ทุกข์ไม่ได้

ทำแล้ว ก็ดีใจชั่วขณะเท่านั้น

‘ดีใจ’กับ‘ใจดี’นั้น ไม่เหมือนกัน

เมื่อเรามาเห็นอันนี้ (เรา)ดีใจ

แต่ตัวใจดีนั้น ยังไม่มี-ยังไม่เห็น

เพราะเรายังไม่เห็นตัวชีวิตของเรา*…”

หลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ

————————————————————————————————

※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※

※ อย่าหลงตน-อย่าลืมตัว ※

※ ※

※ อย่าหลงกาย-อย่าลืมใจ ※

※ ※

※ อย่าหลงชีวิต ※

※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※

รู้สึกตัว…รู้สึกกาย รู้สึกใจ

_/|\_ _/|\_ _/|\_

ไม่มีคำอธิบายรูปภาพ


Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *