รู้สึกกาย รู้สึกใจ 26 มกราคม 2023

“วันนี้เรามาพูดกันเรื่องปฏิบัติธรรมอีก

คนที่ไม่มีโอกาส-ไม่มีเวลา

โอกาสน้อย เวลาน้อยที่จะเข้าวัดไปพบพระเจ้า-พระสงฆ์

ก็ต้อง**ฟัง แล้วนำไปปฏิบัติอยู่ที่บ้านก็ได้

อยู่ที่นา-ที่สวน ที่ซื้อ-ที่ขายก็ได้ (ปฏิบัติได้)ทุกสถานที่ทีเดียว**

**วิธีที่จะแนะนำนี้ คือให้ปฏิบัติตัวเอง

นี้แหละเป็นธรรมะ ธรรมะคือตัวเรานี้แหละ

ตัวทุกคนนั่นแหละคือธรรมะ ตัวศาสนาก็คือตัวคนนั่นแหละ

ตัวทุกคนนั่นแหละคือตัวศาสนา เพราะว่าจะอยู่ที่ใดก็คน

คนไทยก็เป็นศาสนา คนจีนก็เป็นศาสนา

คนอินเดียโน้น-ที่พระพุทธเจ้าตรัสรูโน้น ก็เป็นศาสนา

คนเขมรก็เป็นศาสนา คนลาวก็เป็นศาสนา คนญวนก็เป็นศาสนา

ให้ว่าทุกคน ทุกชาติ-ทุกภาษา ทุกเพศ-ทุกวัย

เป็นศาสนาทั้งนั้น เป็นธรรมะทั้งนั้น

คำว่า‘ธรรม’ะ ก็ตัวคนทุกคนนั่นแหละเป็นธรรมะ

‘ทำดี-มันดี ทำชั่ว-มันชั่ว’** ท่านว่าอย่างนั้น

*ไม่ใช่ทำดี-ได้ดี ทำชั่วได้ชั่วนะ*…อันนี้ก็ถูกเหมือนกัน

ทำดี-คนยกย่องสรรเสริญ เรียกว่า‘เป็นการทำดี-ได้ดี’

ทำชั่ว-คนนินทาตำหนิ…เรียกว่าเป็น‘การทำชั่ว ได้ชั่ว’-ได้รับทุกข์

*คนทุกคนเกิดมาต้องมีจิต-มีใจ ไม่ต้องการความทุกข์

การที่ทุกข์เกิดขึ้น เพราะว่าเราทำผิด-พูดผิด-คิดผิด

เราไม่ได้ดูจิต-ดูใจ เราไม่ได้ดูการกระทำของเรา

เรานึกว่าเราทำถูก-พูดถูก-คิดถูก คนอื่นผิด…แน่ะ!

อันนี้มันเป็นการเข้าใจผิด มันเป็นการเข้าใจไม่ถูก-ไม่ตรง

เรียกว่า‘เข้าใจไปตามกิเลส เข้าใจไปตามความคิด-ความเห็นของตัวเอง’

มันเข้าข้างตัวเอง มันไม่ได้มีผ่อนสั้น-ผ่อนยาว

มันไม่ได้มาดูตัวชีวิตจิตใจของเรา

ความทุกข์เกิดขึ้น เพราะเราไม่เห็นความคิด ความคิดมันคิดไป

แล้วให้รูป-ให้กายนี้มันทำไปตามความคิด*

**ดังนั้นพระพุทธเจ้าท่านจึงสอนสั้น ๆ เรียกว่า‘ใบไม้กำมือเดียว’

คือสอนอันนี้ ศีลก็รวมลงมาที่ตรงนี้**

สมาธิก็รวมลงมาที่ตรงนี้ ปัญญาก็รวมลงมาที่ตรงนี้

แม้ให้ทาน-ไหว้พระสวดมนต์ ก็รวมมาที่ตรงนี้

ไม่ใช่ตายแล้วจึงจะได้รับผล ไม่ใช่ตายแล้วจึงจะไปสวรรค์

ไม่ใช่ตายแล้วจึงจะไปนิพพาน ไม่ใช่ตายแล้วจึงจะไปตกนรก

ไม่ใช่ตายแล้วจึงจะไปเป็นสัตว์เดรัจฉาน ไม่ใช่ตายแล้วจึงจะไปเป็นเปรต

อันนั้นมันถูกน้อย เรายังไม่เห็นธรรม-ยังไม่รู้ธรรม-ยังไม่เข้าใจธรรม

มันต้องตกนรกไปแต่เดี๋ยวนี้ *ความทุกข์ร้อนนั่นแหละเป็นนรก*

ความไม่รู้จักอายนั่นแหละเป็นสัตว์เดรัจฉาน

ทำอะไรผิด ๆ ถูก ๆ ป้ำ ๆ เป๋อ ๆ

ทำไม่รู้จักพอ-กินไม่รู้จักอิ่ม อันนั้นเขาเรียกว่าเปรต

เปรตมันจึงปากเล็ก-ท้องใหญ่ กินเท่าใดไม่พอ…เขาว่าเปรตมันเป็นอย่างนั้น

ดังนั้นหากเราเป็นอย่างนี้ ตายไป-ก็ไปตกนรกจริง ๆ

มันต้องตกนรกแล้วเดี๋ยวนี้ มันจึงจะไปตกนรกหลังจากการตายแล้วโน้น

ไปสวรรค์-ไปนิพพานก็เช่นเดียวกัน

ลักษณะของสวรรค์ คือตาเห็นสิ่งที่ดี-หูฟังเสียงที่ไพเราะ

จมูกดมกลิ่นที่หอม กายเนื้อ-หนังเรานี้ถูกสัมผัสสิ่งที่พอใจ

กินอาหารมีรสที่ถูกใจ ก็เป็นสวรรค์แล้ว

ในทางตรงกันข้าม ไม่พอใจของเหม็น-ของไม่สวยไม่งาม…เป็นนรกอีกแล้ว

ส่วน**นิพพานก็หมายถึงความเย็น เย็นอก-เย็นใจ

ใครจะพูดอย่างไร-ก็สบายใจ เพราะดูจิต-ดูใจเราอยู่**

คำพูดนั้น…มันเป็นสมมติว่าดี-ว่าชั่ว ว่าสุข-ว่าทุกข์

มันเป็นเพียงสมมติ จริงก็จริงโดยสมมติ-ท่านให้รู้จักว่าจริงโดยสมมติ

**อยู่ที่ไหน มันก็มีอย่างนั้นอยู่ตลอดเวลา

ถึงจะมีพระเจ้า-พระสงฆ์ หรือไม่มีพระเจ้า-พระสงฆ์

มันก็มีอยู่อย่างนั้น**

ดังนั้น**จึงให้ปฏิบัติตัวเรา ให้เราเป็นพระขึ้นมาได้จริง ๆ

พระนั้นจึงว่า อยู่บ้านก็ได้-อยู่นาก็ได้-อยู่ที่สวนก็ได้

อยู่ตลาดขายสิ่ง-ขายของได้ทั้งนั้น

พระจึงแปลว่าผู้ประเสริฐ ‘พระ’จึงแปลว่าผู้สอนคน

คนใดสอนคนให้ละชั่ว-ทำดี นั่นแหละเป็นพระ

คนใดจิตใจไม่ง่อนแง่นคลอนแคลน-เต็มอกเต็มใจได้

ท่านก็เรียกว่า‘เป็นพระ’**

มนุษย์บัดนี้ **มนุษย์เป็นผู้หักห้ามจิตใจได้

จิตใจไม่โลเล จิตใจไม่เศร้าหมอง-จิตใจไม่ขุ่นมัว

จิตใจไม่คิดไปในทางเลวร้าย ท่านเรียกว่า‘มนุษย์’

มนุษย์จึงเป็นผู้มีจิตใจสูง**

บัดนี้ ‘มนุสภูโต’-คือผู้เป็นใหญ่ในเรา ผู้เป็นใหญ่ในจิต

ไม่ให้จิตส่ายไปข้างต่ำ เรียกว่า‘เป็นมนุสภูโต’

บัดนี้หักห้ามจิตใจได้ ดู-เห็นจิตใจได้…เรียกว่า‘มนุสเทโว’

มนุษย์-เทวดามีการละอายในการทำ การพูด การคิด

ทำผิด-พูดผิด-คิดผิด…ไม่ทำ

อันนั้นคนโบราณท่านจึงสอนว่า

‘(เมื่อ)วานนี้ทำผิด-พูดผิด-คิดแล้ว ความผิดอันนั้นแหละเป็นครู’

ดีกว่าครู-ดีกว่าอาจารย์-ดีกว่าตำรับตำราใดมาสอนเรา

เพราะการที่ครู-อาจารย์สอนเรานั้น เราเพียงจำได้

*เมื่อเราทำผิดเอง-พูดผิดเอง-คิดผิดเอง

ทุกข์ย่อมเกิดมาให้เราได้รับ ผลของมันคือทุกข์เกิดขึ้น*

อันนี้แหละเรื่องอริยสัจ ๔ ที่พระพุทธเจ้าท่านสอน-มันเป็นอย่างนั้น

บัดนี้**เมื่อทุกข์ไม่เกิดขึ้น มันก็เป็นสวรรค์-มันก็เป็นนิพพาน

ท่านจึงว่ามนุษย์สมบัติ ความเป็นมนุษย์นี้เป็นสมบัติทุกอย่าง

สวรรค์สมบัติ-นิพพานสมบัติ

แน่ะ-เป็นสมมบัติของสวรรค์-เป็นสมบัติของนิพพาน

นิพพานเป็นสมบัติของเรา-สวรรค์เป็นสมบัติของเรา

เมื่อเราทำใจของเราได้อย่างนั้น แต่จิตใจ-ไม่ต้องไปทำมันดอก

เพียงแต่ให้เรารู้เท่าทันเหตุการณ์**

บัดนี้ในทางตรงกันข้าม นรกก็เป็นสมบัติของเรา

สัตว์เดรัจฉานก็เป็นสมบัติของเรา เปรตก็เป็นสมบัติของเรา

เพราะเราทำแล้วนี่

อันนี้แหละ คนโบราณท่านจึงสอนว่า‘ความผิดเป็นครู’

ความผิดเป็นครู เมื่อทำผิดแล้ว-อย่าเพิ่งทำต่อไป…แก้ได้

*อดีต-อนาคตนั้น พระพุทธเจ้าท่านไม่ได้สอนให้ไปแก้*

**ท่านสอนให้แก้ปัจจุบัน

มันกำลังคิดวูบขึ้นมา…ดีใจ-เสียใจ เราก็มาจับความรู้สึก

คว่ำมือ-หงายมือ กำมือ-เหยียดมือ ตบแข้ง-ตบขา

จับตัวเรานี้แหละ กระพริบตา หายใจ เอียงซ้าย-เอียงขวา

ความคิดมันก็วางจากอันนั้น เข้ามาอยู่กับความรู้สึกนี้

ความรู้สึกนี้จึงเป็นบุญ-เป็นกุศล เป็นสิ่งที่มหัศจรรย์ที่สุด**

*คนใดยังไม่พบ-ยังไม่เห็น ยังไม่เป็น-ยังไม่มี*…ก็ถือว่าพูดเล่น

แต่อย่างนี้มันไม่ใช่การพูดเล่น

พูดจริง ๆ อันนี้พูดให้ฟังจริง ๆ ตามความเป็นจริง เป็นอย่างนั้น…”

หลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ

————————————————————————————————

※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※

※ อย่าหลงตน-อย่าลืมตัว ※

※ ※

※ อย่าหลงกาย-อย่าลืมใจ ※

※ ※

※ อย่าหลงชีวิต ※

※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※

รู้สึกตัว…รู้สึกกาย รู้สึกใจ

_/|\_ _/|\_ _/|\_

ไม่มีคำอธิบายรูปภาพ


Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *