รู้สึกกาย รู้สึกใจ 26 เมษายน 2023

“…**การปฏิบัติธรรม

จึงต้องปฏิบัติจริง ๆ ให้เข้าใจจริง ๆ

ให้เห็นแจ้ง-รู้จริงจริง ๆ จึงนำไปสอนคนอื่น

(เราต้อง)รับรองได้จริง ๆ**

*ถ้าหากรับรองคำพูดตัวเองบ่ได้-ผิด

เพิ่นเว้าอย่างหนึ่ง-ไปปฏิบัติอย่างหนึ่ง ซิใช้ได้บ่ ?*

ต้องพยายามปฏิบัติตรงกับคำพูดของเรา

คำพูดของเราเป็นอย่างนี้ มันต้องตรง

เรื่องธรรมะ-มันต้องตรงแท้ ๆ ผิดบ่ได้

ผิดเคลื่อนไปนิดเดียว พลาดไปโลด

ฉะนั้นจึงว่า‘มีวิปัสสนู-มีวิปลาส-มีจินตญาณ’

(มันเป็นสิ่ง)ตรงกันข้าม เพื่อทำลายวิปัสสนา

*ตัวปัญญาของวิปัสสนาจะเกิดขึ้นได้ยาก

เพราะวิปัสสนู-เพราะวิปลาส-เพราะจินตญาณ*

ถ้าหากว่าครูบาอาจารย์ผู้ที่มาสอน

รู้จักวิปัสสนูดี-รู้จักวิปลาสดี-รู้จักจินตญาณดี

ผู้ที่เดินตาม-บ่ขัดข้อง เพราะผู้นั้นรู้จักเอาแล้ว(ว่า)

ผู้นี้เป็นวิปัสสนูแล้ว คอยแก้ไขวิปัสสนูออกไปเลย

เอาแล้ว-ผู้นี้เป็นวิปลาสแล้ว คอยแก้ไขวิปลาสออกไปโลด

เอาแล้ว-ผู้นี้เป็นจินตญาณแล้ว คอยแก้ไขจินตญาณออกไป

บ่ได้เสียเวลาที่เดินตาม

บัดนี้คนผู้ที่บ่รู้จักไปสอน คือว่าเมื่อกี้นี้ที่ไปหา(พระ)

(เมื่อเดิน)สวนทางกัน

คล้าย ๆ กับว่า(เราเดิน)ออกจากวัดนี้ไป

(พระที่เราไปหา เดิน)เข้ามาในวัดเรานี้

(แต่)เราบ่รู้จัก(พระ)นี่

เราซิไปหา(เพิ่น) (เรา)ซิตามเพิ่นพบบ่ ?

เพิ่นเข้ามาในวัด (ส่วน)เราไปพู้น-ขึ้นรถไปแล้ว

เพิ่นมาหาเราบ่เห็น (เรา)ขึ้นรถหนีโลด

ฉะนั้น การปรารถนาถึงพระศรีอริยเมตไตรยก็คือกัน

เราบ่รู้จักพระศรีอริยเมตไตรย เราซิไปหาเพิ่นได้อย่างใด

เราต้องทำตัวให้เป็นพระศรีอริยเมตไตรย

เป็นลูกศิษย์เพิ่นเสียก่อน

พระศรีอริยเมตไตรยอายุ ๘๔,๐๐๐ ปี อันนั้นมันไกล

เราเป็นลูกศิษย์พระพุทธเจ้านี่นะ

เพิ่นนี้แหละอาจเป็นพระศรีอริยเมตไตรย

อย่างนั้นก็ได้คือกัน

‘พระ’แปลว่าประเสริฐ ‘ศรี’แปลว่างาม

บ่แม่น สี-ตัว ส.เสือ

(แต่เป็น)ศรี-ตัว ศ.ศาลา แปลว่างาม

คนงามก็ต้องมีศีล

คนบ่งาม-หน้าตาบ่งามซิมีศีลบ่ ?

ก็มักโลภ-มักโกรธ-มักหลง

‘พระศรี’อันนี้ จึงว่า‘กำจัดกิเลสอย่างกลางได้’

‘อริ’แปลว่าข้าศึก ‘ยะ’แปลว่าพ้นไป

พระศรีอริยเมตไตรย มันอยู่ใกล้ ๆ เรา

คนผู้บ่เข้าใจแท้ ๆ มันก็อยู่ไกล

ฉะนั้น *การซอกหาสวรรค์-นิพพานก็ดี

ซอกหาไปนอกตัวของเราแล้ว

ยากที่จะเห็นได้ ยากที่จะรู้ได้

บางทีตายเปล่า-บ่รู้แล้ว หากไปซอกหานอกตัว*

เพิ่นสอน**‘ให้เราหาในตัวของเรานี่ มันมีอยู่นี่

สวรรค์มันมีอยู่นี่ นิพพานมันก็มีอยู่นี่

นรกมันก็มีอยู่นี่ เปรตมันก็มีอยู่นี่

สัตว์เดรัจฉานก็มีอยู่นี่ อสุรกายก็มีอยู่นี่’** เพิ่นว่า

ตามตัวหนังสือ ‘อสุรกาย’แปลว่าคนอ่อนแอ

ทำการทำงานบ่เข้มแข็ง

แล้วคนอ่อนแอ ทำงานบ่เข้มแข็งจะใช้ได้บ่ ?

‘ก็บ่ได้’ ตำราเพิ่นว่า

หลวงพ่อปฏิบัติ รู้จักว่า

‘อสุรกาย’ แปลว่าไกลนัก

ไกลจากความจริง ไกลจากสัจธรรม

หลวงพ่อเข้าใจอย่างนี้ ‘อสุรกาย’ตัวนี่

‘สัตว์เดรัจฉาน’ คือบ่รู้จักอาย

หลวงพ่อเปรียบเอาคือตัวหมา

หรือตัวสุนัขนี่ มันอยากขี้-มันก็ขี้

มันอยากเซิง(สมสู่)-มันก็เซิง มันอยากนอน-มันก็นอน

เดรัจฉาน คือคนบ่มีความละอายนี่นะ

บ่ละอายต่อคำพูดตัวเอง

บ่ละอายต่อการกระทำที่ผิดของตัวเอง

บ่ละอายต่อหมู่-ต่อเพื่อน เอิ้น‘สัตว์เดรัจฉาน’

แปลว่าคนบ่รู้จักอาย

‘เปรต’ แปลว่ากินบ่พอ-หิวอยู่ตลอดเวลา

ปากมันน้อย ๆ ท้องมันใหญ่

มีนิทานเรื่องหนึ่ง-ครูบาเว้าให้ฟัง

‘มีเปรตอยู่จำนวนหนึ่งนอนร้อง อยากกินน้ำ อยากกินน้ำ

บัดนี้มีพระพุทธเจ้าเสด็จผ่านมา

พระที่ติดตามพระพุทธเจ้าไปมี ๕๐๐ รูป ถาม(ว่า)ร้องหยัง ?

เปรตตอบอยากกินน้ำ

(พระว่า) น้ำไหลพราก ๆ อยู่นั่น เป็นหยังบ่กิน ?

พระพุทธเจ้าถาม(ว่า) ทำไมไม่กินน้ำ ?

(เปรตตอบ) บ่เห็นน้ำ

พระพุทธเจ้าเลยให้ภิกษุจำนวนที่ไปกับพระองค์

เอาบาตรตักน้ำให้เต็มทุกรูป

(แล้วบอกเปรตว่า) อ้าปากสิ

(แล้วเทน้ำจากบาตร)กรอกใส่ปาก(เปรต)หมดทั้ง ๕๐๐ ลูก

(แล้ว)ถาม(เปรตว่า) อิ่มบ่ ?

(เปรตตอบว่า) น้ำขนาดนั้นนิดเดียวเอง พอชุ่มคอ’

ความหิวเพิ่นถึงเรียกว่า‘เปรต’

อันนี้จึงเข้าใจว่าเปตรหิวอยู่แท้ ๆ บ่เซาจักเทื่อ

ให้รู้จัก

**ครันสอนนักธรรมให้รู้จัก

อย่ารู้จักแต่ตัวหนังสือ ต้องรู้จักตัวเราเป็น ๆ นี่**

‘เปรต-สัตว์เดรัจฉาน’ หมายถึงบ่รู้จักอาย

‘อสุรกาย’ หมายถึงอยู่ไกลจากคำสอนของพระพุทธเจ้า

ให้เรารู้จักอย่างนั้น…”

หลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ

————————————————————————————————

※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※

※ อย่าหลงตน-อย่าลืมตัว ※

※ ※

※ อย่าหลงกาย-อย่าลืมใจ ※

※ ※

※ อย่าหลงชีวิต ※

※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※

รู้สึกตัว…รู้สึกกาย รู้สึกใจ

_/|\_ _/|\_ _/|\_

ไม่มีคำอธิบายรูปภาพ


Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *