รู้สึกกาย รู้สึกใจ 27 มกราคม 2023

“…พระพุทธเจ้าสอนอริยสัจ ๔

เป็นหัวใจพุทธศาสนา เป็นแก่นพุทธศาสนา

คำว่า‘อริยสัจ ๔’ เราพูดได้…‘ทุกข์-สมุทัย-นิโรธ-มรรค’

เพราะท่านสอนอย่างนั้น

แล้วทีนี้ก็ไปนั่งกรรมฐานกัน

สติปัฏฐาน ๔ ไปนั่งพิจารณา

๑.กายานุปัสสนา-ให้รู้จักกายในกาย

กายในกาย ก็คือให้รู้จัการเคลื่อนไหวในกายนี้เอง

๒.เวทนานุปัสสนา ให้รู้จักเวทนาในเวทนา-คือการเคลื่อนไหว

ทุกข์-สุขมันอยู่ที่ตรงนี้ ให้พิจารณาอันนี้

๓.จิตตานุปัสสนา ให้พิจารณาจิตในจิต

นี่-ท่านสอนให้รู้เท่าทันเหตุการณ์ของจิต จึงจะพิจารณาจิตได้

บัดนี้ ๔.ธรรมานุปัสสนา ให้พิจารณาธรรมในธรรม

ธรรมคือมือเราทำดี-ทำชั่วนี่ เท้าเรานี่ก็ทำดี-ทำชั่ว

คำพูดเรานี่ก็ทำดี-ทำชั่ว จิตเรามันคิดขึ้นมา…มันก็คิดดี-คิดชั่ว

พิจารณาที่ตรงนี้เอง จึงจะเรียกว่า‘พิจารณาธรรมในธรรม’

อันนี้เรียกว่า‘ใช้สติปัญญา’

อยู่ที่ไหนก็เป็นวัด-อยู่ที่ไหนก็เป็นการปฏิบัติธรรม

อยู่ที่ไหนก็อยู่กับพระ ‘พระ’จึงแปลว่าผู้สอนคน

ตัวเรานี่แหละเป็นพระ ตัวเรานี้แหละเป็นบัณฑิต

ตัวเรานี้แหละเป็นคนพาล ตัวเรานี้แหละเป็นผู้ไปตกนรก

ตัวเรานี้แหละเป็นผู้ไปสวรรค์ ตัวเรานี้แหละเป็นผู้ไปนิพพาน

ท่านจึงสอนย้ำเข้ามา คำเก่านี้แหละ-คำเดิมนี่แหละ

มันเป็นได้ทั้งเปลือก-เป็นกระพี้ เป็นแก่น-เป็นแกน

มันลึกเข้าไป ลึกเข้า-ลึกเข้า…จนถึงที่สุดของทุกข์

ขั้นต้นที่สุด ท่านสอนอย่างนี้ว่า‘ให้รู้จักทุกข์’

*ทุกข์เกิดขึ้นเพราะเรื่องอะไร อยู่ที่ตรงไหน ?

ทุกข์เกิดขึ้นเพราะความคิดเรานี่ออกนอกตัวเราไป

คิดเรื่องโน้น-คิดเรื่องนี้ คิดไปแล้ว-นอนไม่หลับ

เป็นบ้านะทีนี้ คนจึงเป็นบ้ากันเป็นจำนวนมาก*

แต่ไม่ใช่บ้าไม่นุ่งเสื้อ-ไม่นุ่งผ้า ไม่รู้จักอาย

บ้าอันนั้น มันบ้าหมดสติ-หมดปัญญา-หมดกำลัง-หมดเรี่ยวหมดแรง

*บ้าอันนี้-คือบ้าที่เราลืมตัวเราไปนี่ ทำผิด-พูดผิด-คิดผิดไปนี่

บ้าเพราะไม่รู้จักความคิดเรานี่ นี่แหละมันก่อตัวเล็ก ๆ ขึ้นมา

ก่อขึ้นมา-ก่อขึ้นมา โตขึ้น-โตขึ้น…ก็เลยเป็นบ้าไป ๑๐๐%*

นี่-มันเป็นอย่างนั้น

ดังนั้นเรียนหนังสือมาก ๆ ก็เป็นบ้าได้เช่นเดียวกัน

เรียนทางธรรมมาก ๆ ก็เป็นบ้าได้เช่นเดียวกัน

มีเงินมาก ๆ ก็เป็นบ้าได้เช่นเดียวกัน

ไม่มีเงิน ก็เป็นบ้าได้เช่นเดียวกัน

บ้าอันนี้อยู่กับคนทุกคน ไม่ยกเว้น

จึงว่า**ให้รู้จักทุกข์จริง ๆ ให้รู้จักเหตุที่ทำให้ทุกข์เกิดจริง ๆ

ดังนั้นพระพุทธเจ้าท่านจึงสอนให้เรารู้แจ้ง-เห็นจริงตามความเป็นจริง**

ท่านว่าอย่างนั้น

ดังนั้น**ท่านจึงสอนให้เรารู้จักเรื่องอริยสัจ ๔ นี้จริง ๆ

ไม่ยาว ท่านว่า‘ใบไม้กำมือเดียว’**

ให้ทานก็มารวมที่ตรงนี้ รักษาศีลก็มารวมที่ตรงนี้

ทำกรรมฐานก็มารวมที่ตรงนี้ ทำวิปัสสนาก็มารวมที่ตรงนี้

ทำอะไร ๆ ทั้งหมดเลย ก็จะมารวมที่ตรงนี้

**จุดนี้แหละเป็นจุดสำคัญ ทำไมจึงว่าเป็นจุดสำคัญ ?

เพราะท่านสอน(เรื่อง)ทุกข์ กับเหตุที่ทุกข์เกิด**

ตัวเหตุที่ทำให้ทุกข์เกิดขึ้น

ท่านเรียกว่า‘ทุกขสมุทัย-มุทัยทำให้ทุกข์เกิด’ นี่คำพูด

*ทุกข์เกิดขึ้น เพราะจิตใจมันออกนอกตัวเราไป-เราไม่รู้สึกตัวเรา

เมื่อมันคิดออกไปข้างนอก ไปรับอารมณ์ข้างนอก

ดีใจ-เสียใจ พอใจ-ไม่พอใจ ยึดถือ อยากได้อันนั้น-อยากได้อันนี้

เอาแล้ว! นั่นแหละตัวทุกข์-ตัวสมุทัย…ผลที่มันออกมาก็ได้รับทุกข์*

ท่านจึงว่า‘ทุกข์-ทุกข์’ ตัวนี้แหละมัน ๒ ศัพท์กลับกัน…ทุกข์-สมุทัย

*สมุทัยทำให้ทุกข์เกิด ก็ตัวนี้แหละที่ทำให้ทุกข์เกิดขึ้น

ไม่อื่นไกลเลย น้อย ๆ นี่แหละ*

**‘มรรคเป็นข้อปฏิบัติเพื่อให้ถึงความดับทุกข์’ นี่คำพูด

มรรค คือเห็นการเคลื่อนไหวของเรานี้เอง

มันเคลื่อนไหวโดยวิธีใด ก็เห็น-ก็รู้

จิตใจมันนึก-มันคิด ก็เห็น-ก็รู้…จึงเป็นมรรค**

‘มรรค’แปลว่าดู มรรคแปลว่าชม

‘มรรค’แปลว่าเบิ่ง(ดู) ‘มรรค’แปลว่าสัมผัส

‘มรรค’แปลว่าแนบแน่นอยู่กับสิ่งเหล่านั้น ท่านว่าอย่างนั้น

จึงเป็นข้อปฏิบัติ กล่าวคือ**ปฏิบัติที่ตรงนี้-ใจนะ(ที่เป็น)ตัวปฏิบัติ

ไม่ใช่เอามือปฏิบัตินะ ตัวใจโน่นนะปฏิบัติ

ตัวสติ-ตัวสมาธิ-ตัวปัญญา

ตัวเห็นแจ้ง-ตัวรู้จริงในจิตใจที่มันนึกมันคิดโน่นนะ(เป็น)ตัวปฏิบัติ

มันเห็น-มันรู้-มันเข้าใจโน่นนะ เป็นตัวปฏิบัตินะ

จึงว่า มรรคเป็นข้อปฏิบัติเพื่อให้ถึงความดับทุกข์**…”

หลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ

————————————————————————————————

※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※

※ อย่าหลงตน-อย่าลืมตัว ※

※ ※

※ อย่าหลงกาย-อย่าลืมใจ ※

※ ※

※ อย่าหลงชีวิต ※

※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※

รู้สึกตัว…รู้สึกกาย รู้สึกใจ

_/|\_ _/|\_ _/|\_

ไม่มีคำอธิบายรูปภาพ


Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *