“…**พระพุทธเจ้าเป็นหมอเหมือนกัน เป็นหมอรักษาโรคเช่นเดียวกัน
แต่โรคที่พระพุทธเจ้ารักษา คือโรคทางจิต-ทางใจ-โรคทางวิญญาณ**
พวกหนูเรียนมาเพื่อรักษาโรคทางกาย ทางเนื้อหนัง
**ธรรมะคำสอนของพระพุทธเจ้านั้น เอาไปใช้ได้ทุกคน**
ไม่ใช่เด็ก ๆ ใช้ธรรมะคำสอนของพระพุทธเจ้าไม่ได้
หรือคนแก่ ๆ เท่านั้นจึงจะใช้ได้ ไม่ใช่อย่างนั้น
**คำสอนของพระพุทธเจ้าสอนคนได้ทุกระดับ**
จะเป็นเด็ก-ก็สอนได้ คนแก่-ก็สอนได้ หนุ่มสาว-ก็สอนได้
พ่อบ้านแม่เรือน-ได้ทั้งนั้น
**ธรรมะคำสอนของพระพุทธเจ้า ใครรู้จัก-ก็นำไปใช้ได้**
แต่คนไทยที่นับถือพุทธศาสนาบางคน
ก็เข้าใจเพียงให้ทาน-รักษาศีล-ทำกัมมัฏฐาน เท่านั้นก็พอใจแล้ว
บางคนก็ยังไม่รู้ว่าให้ทานทำอย่างไร กราบไหว้ทำอย่างไร ?
เพราะไม่เคยเข้าวัดฟังธรรมเลย
รักษาศีลอย่างไร ศีลคืออะไร-มีความหมายอย่างไร ?…ไม่รู้-อย่างนี้ก็มี
ทำกัมมัฏฐานนั่งอย่างไร-ทำความสงบอย่างไร ?…ไม่รู้-ก็มี
แต่**เป็นธรรมดา เรียกว่า‘นานาจิตตัง…จิตของคน-คิดไม่เหมือนกัน’
ถ้าเรารู้จักจิตคิดสักนิดเดียว-ก็หยุดได้
หนู ๆ ทุกคนที่อยู่ที่นี่-ถ้ารู้จักจิตคิดสักนิดเดียว ก็ห้ามจิตใจได้**
*เพราะว่าจิตใจมันคิด-คนมันต้องคิด แต่เราไม่รู้จักจิตคิด
เมื่อไม่รู้จักจิตคิด ก็ไปตามความคิด
เมื่อคิด-แล้วไปตามความคิด ก็เลยไม่รู้จักหยุด
นักศึกษาที่เรียนหนังสือบางคนนอนไม่หลับ-ก็มี เพราะมันคิดมาก
บางคนไม่ใช่นักศึกษา จบแล้วไปทำการ-ทำงาน
เข้าสังคมมาก ๆ ก็เป็นทุกข์ หากคนนั้นคิดอย่างนั้น-คนนี้คิดอย่างนี้
คิดไม่รู้จักหยุด เป็นโรคประสาทไปก็มี*
หลวงพ่อเคยเจอมาหลายคนแล้ว ที่มีเรื่องอย่างนี้
ดังนั้น หนู**ทุกคน**ที่มาที่นี่
**ต้องศึกษาให้รู้จักจิตใจของเรานึกคิด**
เพราะพระพุทธเจ้าท่านสอนเรื่องจิต-เรื่องใจ
การให้ทานนั้นดีแล้ว
หนูก็คงเคยตักบาตรกันบ้าง-แต่ไม่ทุกวัน บางคนอาจตักทุกวันก็ได้
คนที่มาที่นี่ไม่เหมือนกัน บางคนอาจรักษาศีลแล้วก็ได้
บางคนอาจทำกัมมัฏฐานมาแล้วก็ได้
บางคนอาจจะเจริญวิปัสสนามาแล้วก็มี
**วิปัสสนา คือการเปลี่ยนจิตใจที่สกปรกให้บริสุทธิ์**
คำว่า‘วิปัสสนา’ เป็นชื่อสมมติ
ทำอย่างไรจึงจะเป็นวิปัสสนา **วิปัสสนาคือความรู้**
อย่างที่หนูเรียนหนังสือ เรียนหนังสือแล้ว
ก็เขียนตัว ก-ตัว ข เขียนได้-อ่านได้-สะกดได้
นั่นคือวิปัสสนา แต่อันนี้คือสมมติ
**‘วิปัสสนา’ คือรู้แจ้ง-เห็นจริง
เมื่อรู้แจ้ง-เห็นจริงแล้ว เปลี่ยนจิตใจของเรา
จากสภาพหรือจากภาวะเดิมที่ยังสกปรกอยู่นั้น
ให้เป็นจิตใจที่บริสุทธิ์ เรียกว่า‘วิปัสสนา’**
*ส่วน‘สมถกัมมัฏฐาน’ คือความสงบ-ให้มันสงบ*
*ความสงบมี ๒ อย่างด้วยกัน
คือสงบแบบไม่รู้อย่างหนึ่ง มันไม่รู้อะไร
อย่างที่เรานั่งอยู่ที่นี่ ยังไม่มีใครพูดอะไรให้เราฟัง
เราก็นั่งสงบได้ เรียกว่า‘ความสงบแบบไม่รู้’
สงบแบบนี้ พอออกไปสู่สังคมคนมาก ๆ
คนนั้นก็พูดมา-คนนี้ก็พูดไป…เกิดไม่สงบ นี่-มันไม่สงบ*
**แต่ถ้าเป็นวิปัสสนาแล้ว ถึงอยู่กับสังคมมาก ๆ ก็สงบได้
ใครจะพูดอย่างไรมา-ก็เรื่องของเขา ไม่ใช่เรื่องของเรา
เรื่องของเราก็คือ ทำงานตามหน้าที่**
เพราะพระพุทธเจ้าสอนว่า‘ทุกคนต้องทำการ-ทำงานตามหน้าที่’
**เมื่อเราทำการ-ทำงานตามหน้าที่ของเราแล้ว
เราก็รู้จักจิตใจของเรา เห็นชีวิตจิตใจของเรา
พระพุทธเจ้าตรัสว่า‘ชีวิตจิตใจของคนทุกคนนั้น มันไม่มีทุกข์-มันไม่เดือดร้อน**
*ตัวทุกข์-ตัวเดือดร้อน ไม่ใช่จิตใจของเรา-ไม่ใช่ชีวิตของเรา
มันเป็นกิเลส’* ท่านว่าอย่างนั้น
อย่างที่พวกหนูนั่งอยู่ที่นี่เดี๋ยวนี้
**จิตใจเป็นปกติ-สบาย ฟังหลวงพ่อพูด
ลักษณะจิตใจอย่างนี้ สภาพจิตใจอย่างนี้
มันมีอยู่ในคนทุกคน ไม่ยกเว้น
อันนี้แหละ พระพุทธเจ้าสอนให้ทุกคนศึกษาหาชีวิตจิตใจของตนเอง**
*แต่เดี๋ยวนี้ เราไม่ศึกษาหาชีวิตจิตใจของเรา
เราไปศึกษา-แข่งขันกัน* ความแข่งขัน-มันเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
แต่**เรื่องจิตใจนี่-เราควรศึกษาให้รู้ ให้รู้จักจิตใจของเราเอง**
พ่อแม่ของเรา ท่านก็สอนไม่ได้
ครูอาจารย์ก็ไม่ค่อยสอน สอนแต่เรื่องหนังสือ
ผู้สอนเรื่องชีวิตจิตใจคือพระพุทธเจ้า
จึงว่าพระพุทธเจ้าเป็นครูของเรา เราจึงไหว้ครู
คำว่าไหว้ครู ถ้าไหว้พระพุทธเจ้าในประเทศอินเดีย
ก็ไหว้ไม่ทันแล้ว เราต้องยกมือไหว้ตัวเอง
เพราะพระพุทธเจ้าสอนให้เรารู้ว่า
**‘ตัวชีวิตจิตใจของทุกคนนั้น มันมีลักษณะอุเบกขา-วางเฉย’
คำว่า‘อุเบกขา-วางเฉย’นั่นแหละคือพระพุทธเจ้า
ใครมีจิตใจอุเบกขา-วางเฉยอยู่เป็นปกติประจำใจ
นั่นแหละคือพระพุทธเจ้า ยกมือไหว้ตัวเองได้**
ทำไมจึงไหว้ตัวเอง ?
เพราะว่า**จิตใจของทุกคนมันสะอาด-สว่าง-บริสุทธิอยู่แล้ว
เรียกว่า‘สันติคือความสงบ’
ความสงบอย่างนี้ เอาไปทำการ-ทำงานที่ไหนก็ไม่ขัดข้อง**
*แต่เราไม่เข้าใจ เมื่อไม่เข้าใจ…ก็ไปศึกษาเรื่องอื่น-แบบอื่น*
แต่ไม่ใช่ว่าไม่ดี-ไม่ใช่อย่างนั้น ก็พูดให้ฟัง-เพื่อหนูจะได้รู้…”
หลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ
————————————————————————————————
※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※
※ อย่าหลงตน-อย่าลืมตัว ※
※ ※
※ อย่าหลงกาย-อย่าลืมใจ ※
※ ※
※ อย่าหลงชีวิต ※
※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※
รู้สึกตัว…รู้สึกกาย รู้สึกใจ
_/|\_ _/|\_ _/|\_

ใส่ความเห็น