รู้สึกกาย รู้สึกใจ 3 เมษายน 2023

“…เรามาเว้าเรื่องอาบัติต่าง ๆ

ยกตัวอย่างเช่น อาบัติปาราชิกนี่

เสพเมถุน ๑ ภิกษุเสพเมถุน-ต้องอาบัติปาราชิก

ภิกษุลักของเขาราคา ๕ มาสก ต้องอาบัติปาราชิก

ภิกษุฆ่าสัตว์…มนุษย์นอกครรภ์-ในครรภ์ ต้องอาบัติปาราชิก

บัดนี้ภิกษุหรือสามเณรก็ตาม พูดอวดอุตริมนุสธรรม

คือธรรมอันยิ่งของมนุษย์(ที่)ไม่มีในตน

ขาดจากความเป็นภิกษุ ขาดจากความเป็นสามเณร

บัดนี้ เสพเมถุน ๑ คะเจ้าหมายถึงเพศตรงข้าม

อย่างเพศผู้หญิงหรือสัตว์ตัวเมีย (นี่)ในตำรา

*‘เสพเมถุน’ หมายถึงมีความคิดโง่ ๆ ความคิดอวิชชา

‘เสพ’ แปลว่าอยู่นำ

อยู่นำความคิดอันโง่ ๆ ความคิดของอวิชชานั้นแหละ*

เอิ้นเสพเมถุน เสพเมถุนอย่างนั้น

จึงว่า **‘อย่าอยู่กับความคิดอันโง่ ๆ’**

*‘ลักของเขา’ บัดนี้

อย่าไปจำคำพูดของผู้อื่นมาเว้า*

อันนี้(คะเจ้าก็ว่า) ลักของเขาต้องเป็นเงิน-ทอง

คำว่า‘เสพเมถุน’ ต้องหมายถึงเพศตรงข้าม

ต้องเสพแท้ ๆ คะเจ้าว่าอย่างนั้น

ฆ่าสัตว์บัดนี้ หมายถึงฆ่ามนุษย์นอกครรภ์-ในครรภ์

ฆ่าตายแท้ ๆ ตำราคะเจ้าว่าอย่างนั้น

*‘ฆ่าสัตว์’ หมายถึง ความคิดประเภทนั้น ๆ-ญาณประเภทนั้น ๆ

สามารถทำงานอันนั้นได้ทุกคน แต่บ่ทำ

มันบ่ทำ-สิ่งนั้นเลยเป็นหมัน’ เช่นว่าชีวิตเป็นหมัน*

เพิ่นว่าอย่างนั้น

*‘พูดอุตริมนุสธรรม’ คือธรรมอันยิ่งของมนุษย์

อันปุถุชนคนธรรมดาบ่สามารถที่(จะ)แทง

ที่(จะ)เจาะเข้ามาอย่างนั้นได้*

เช่น ปุถุชนคนธรรมดา

เมื่อพูดความจริงให้ฟังแล้ว-บ่พอใจ เคียด-โกรธขึ้นมา

จึงว่า‘คนมันเป็นอย่างนั้น’

*ชื่อว่า‘คน’-คนนั้นมันมีหลายอย่างอยู่ในนี่

เราต้องคัดหา-เลือกหา*

ตอนนี้จิตใจเปลี่ยนแปลงจากสภาพหนึ่งไปอีกสภาพหนึ่ง

ครั้งที่ ๓ จึงจะรู้อย่างนี้ได้

*เมื่อจิตใจบ่เป็นอย่างนี้ จึงรู้บ่ได้*

**บัดนี้เราต้องทำไป มันมารวมกัน-จตุตถฌาน**

‘จตุ’แปลว่ามารวมกัน ญานทุกประเภทมารวมกัน

เขาซิว่าอย่างภาษาที่เรียนกัน หมายถึง

**ธาตุดิน-ธาตุน้ำ-ธาตุไฟ-ธาตุลมเลิกกัน อย่าทำงาน

อย่างเรามี ๔ คน ถึงเวลาเลิกแล้ว…พัก-หยุดงาน

บ่ทำงาน-บ่ทำหน้าที่แล้ว ถึงเวลาเลิกแล้ว

ครั้นบ่ทำงานแล้ว-มันตายไป บ่แม่น

แต่จำพวกนี้แหละ

เมื่อหยุดงานแล้ว งานอันนั้น-บ่เป็นหน้าที่ที่ทำ

ซึ่งคะเจ้าว่า‘หยุดงาน’

‘จตุตถฌาน’ แปลว่ารวมกันแล้วสั่งเลิก

คือเราสั่งกัน(ว่า)‘เลิกเลย’

(เช่น)ทำวัตรแล้วเลิก เลิกพร้อมกัน

อันนั้นคือกัน หยุดงาน-บ่ทำ

เรียกว่า‘จตุตถฌาน’

‘ปัญจมฌาน’ แปลว่าบ่มีทุกข์

พอพวกนั้นหยุดงานแล้ว พวกนี้ก็บ่มีทุกข์*

*(ถ้า)พวกนั้นทำงานมา พวกนี้ก็มีทุกข์*

เพิ้นเอิ้น ‘อวิชชาเป็นปัจจัยให้เกิดสังขาร

สังขารเป็นปัจจัยให้เกิดวิญญาณ

วิญญาณเป็นปัจจัยให้เกิดนามรูปไปตามเรื่องไปเลยนี่

เป็นโสเกหิ ปะริเทเวหิ ทุกเขหิ โทมะนัสเสหิ อุปายาเสหิ’ ไป

เรื่องนี้เป็นเรื่อง‘ปฏิจจสมุปบาท’ อันนั้นเป็นตำรา

มันบ่แม่นเป็นของจริง คืออย่างหลวงพ่อเว้าเดี๋ยวนี้

ผมกล้ายืนยันรับรองได้ **ทุกคนปฏิบัติต้องรู้อย่างนี้**

ครั้นผิดจากนี้ไป เข้าตำราแล้ว-เข้าตำราแล้วเป็นหยัง ?

ก็ไปจำเอาตำรามาเว้าแล้ว

ครั้นไปจำเอาตำรามาเว้า เป็นอย่างใดนี่ ?

(ก็)เป็นมอดกินหนังสือ-มอดกัดไม้แล้วนี่ บ่ได้เข้าใจ

แต่ว่าตำราดีอยู่

ทรงจำเอาตำรา-แล้วมาปฏิบัติอีกตื่ม เข้ากันได้

*ครั้นได้จำเอาตำรา-บ่ปฏิบัติซือ ๆ บ่แม่น*

นี่เป็นอย่างนี้ …”

หลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ

————————————————————————————————

※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※

※ อย่าหลงตน-อย่าลืมตัว ※

※ ※

※ อย่าหลงกาย-อย่าลืมใจ ※

※ ※

※ อย่าหลงชีวิต ※

※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※

รู้สึกตัว…รู้สึกกาย รู้สึกใจ

_/|\_ _/|\_ _/|\_

ไม่มีคำอธิบายรูปภาพ


Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *