“…วันนี้มีเวลาพอสมควร หลวงพ่อก็เลยได้มาพูด
นอน-ตื่น…ให้รู้จัก อย่างนั้นก็ต้องตี ๔ หรือตี ๓-ตี ๒
นอนตื่นเดียวก็พอแล้ว เราเป็นนักปฏิบัติ
พอดีนอนตื่นขึ้น ก็พยายามลุกเลย-สร้างจังหวะ
ถ้านั่งอยู่-มันอยากนอนอีก ก็ลุกมาเดินเลย…หลวงพ่อทำอย่างนั้น
นิสัยหรือวิธีการที่หลวงพ่อทำ คือไม่ลงไปนอนใหม่อีก
ถ้าลงไปนอนอีก…มันหยาบ-มันเคยตัว มันเป็นนิสัย-มันเป็นสันดาน
เพราะคนมันชอบนิสัยขี้เกียจอยู่แล้ว สันดานขี้เกียจอยู่แล้ว
‘นอนน้อย-พูดน้อย-กินน้อย’ ท่านว่า
กินก็ลด ไม่ใช่ว่าจะกินอะไรตามใจ-ชอบอะไรก็กินไป
ไม่ใช่อย่างนั้น มันผิด-ผิดเพราะอะไร ?
เพราะมันได้ใจของความชั่ว-มันได้ใจของกิเลส ท่านเรียกว่า‘กิเลส’-อันนั้นน่ะ
กินมาก-นอนมาก-คุยมาก ท่านเรียกว่า‘กิเลส’
ท่านจึงสอนว่า‘ให้กินน้อย-นอนน้อย-พูดน้อย ให้รู้จักเป็นเวลา’
รู้จักกาล-รู้จักเวลาโน่นนะ ที่ว่ารู้จักนี่-ไม่ใช่ว่าจะรู้จักเฉย ๆ นะ
**รู้จักนี่-ต้องให้รู้จักจริง ๆ รู้ธรรมะ**
หลวงพ่อจึงว่า‘ไม่เคยจะไปถามคนนั้น-คนนี้’ เพราะหลวงพ่อรู้จริง ๆ
**รู้จริงแล้วก็เรียกว่า‘รู้แจ้ง รู้จริง-รู้แจ้ง’
รู้จริง-รู้แจ้ง รู้วิธีอันนี้…ไม่ใช่รู้อื่นไกล-รู้ตัวเรา
ตัวเรามันมีอันใด-ก็รู้จัก มันหมดอันใด-รู้จัก
‘ความหมดนั้น’ ก็หมายถึงไม่มี-มันลุล่วงไปทั้งหมด
ลุล่วงไป ท่านเรียกว่า‘วิปัสสนาเกิดขึ้น’**
ญาณวิปัสสนา…‘ญาณ ๑๖ ก็มี-ญาณ ๙ ก็มี-ญาณ ๑๘ ก็มี’
ท่านว่าไปอย่างนั้น อันนั้นก็ถูก
**ญาณวิปัสสนาจริง ๆ นั้น
๑. รู้รูป-นาม
๒. รู้ความคิด รู้ความคิดนี้แล้วก็เลยเลิกละเรื่องโลภะ-โทสะ-โมหะนี้ได้
แล้วต่อไปก็มีญาณเกิดขึ้น แล้วก็เลิกละความยึดมั่น-ถือมั่นนี้ได้
ต่อไป ญาณเกิดขึ้นก็รู้จักว่าศีลอยู่ไหน อันใดเป็นศีล
ต่อไปก็รู้จักเรื่องทำบาป-ทำกรรม นรก-สวรรค์-นิพพาน…ว่ามีจริง
เมื่อรู้จักอย่างนี้-ก็พร้อมตัวกันเลย ขันธ์ ๕ นี้รวมตัวกันเข้าทั้งหมด
รูปก็รวม-เวทนาก็รวม-สัญญาก็รวม-สังขารก็รวม-วิญญาณก็รวม
รวมตัวกันเข้า แล้วก็หมดกันที่นี้-เรียกว่า‘อาการเกิดดับเกิดขึ้นที่นี้’
ถ้าอันนี้ยังไม่ปรากฏละก็ ยังไม่รู้แท้ ๆ**
แต่รู้ ก่อนหน้านั้น-สิ่งเหล่านั้นก็รู้…รู้ความสงบ รู้ทำดี-ทำชั่ว
รู้ แต่ยังไม่รู้ว่าที่สุดของทุกข์อยู่ไหน
**เมื่อหลวงพ่อมาเป็นอย่างนี้แล้ว หลวงพ่อก็รู้จักว่าที่สุดของทุกข์
ก่อนที่จะรู้นั้น คือมันพร้อมตัวกันเข้า
รู้สึกเลยว่า ขันธ์ ๕ รวมตัวกันเข้าทั้งหมด
เลยรู้จักว่า พระพุทธเจ้าตัดผมครั้งเดียวนั้นก็อันนี้**
ไม่ใช่ว่าจะไปตัดผมที่อยู่บนหัวนั้นนะ ไม่ใช่
**‘ตัดผมครั้งเดียว’ ก็หมายถึงสิ่งที่มันเป็นกฎของธรรมชาติ-มันเข้าสู่สภาพเดิม
รูปนี้ก็เข้าสู่สภาพ จิตใจก็เข้าสู่สภาพเดิมของมัน
อืม-อันนี้แหละ…มันไม่ยาว-มันไม่สั้น มันปรากฏเกิดขึ้นมา
ท่านจึงกล่าวว่า‘พระพุทธเจ้าตัดผมครั้งเดียว’**
แต่เราไปเข้าใจว่าตัดผมจริง ๆ นู่น…ไม่ใช่
**มันรู้จัก มันจืด-มันถอน
ท่านจึงว่า‘เป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์-เป็นสิ่งที่เคารพนับถือ
เป็นสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อน-ของเหล่านี้’ จึงว่าคาดคิดไม่ได้
เรื่องธรรมะ มันต้องปฏิบัติให้มันเป็น**
*เมื่อมันยังไม่เป็นแล้ว-อย่าเข้าใจว่าตัวเองรู้…ไม่ใช่
รู้เฉย ๆ อันนั้นนะ
รู้เฉย ๆ ก็เป็นการคาดคิดเอาละซี้ คิดว่ามันเป็นอย่างนั้น-อย่างนี้*
มันต้องคิดอย่างนั้น มันถูกอันนั้นน่ะ-ถูกแบบของเขา
เราอย่าไปตำหนิเขา
แต่**เรารู้วิธีใด-เราต้องเอาวิธีนั้นมาสอน
ที่หลวงพ่อพูดนี้ พูดด้วยความจริงใจ
ให้เราทุกคนเอาไปใช้ได้ ใช้ได้จริง ๆ ในชีวิตนี้ล่ะ
ไม่ใช่ว่าตายแล้ว-จึงจะเอา ไม่ใช่**…”
หลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ
————————————————————————————————
※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※
※ อย่าหลงตน-อย่าลืมตัว ※
※ ※
※ อย่าหลงกาย-อย่าลืมใจ ※
※ ※
※ อย่าหลงชีวิต ※
※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※
รู้สึกตัว…รู้สึกกาย รู้สึกใจ
_/|\_ _/|\_ _/|\_

ใส่ความเห็น