รู้สึกกาย รู้สึกใจ 4 มกราคม 2023

“…พระพุทธเจ้าจึงสอนว่า

‘สัตว์ทั้งหลายคือเราตถาคต’ ไม่ใช่สัตว์เดรัจฉานนะ

สัตว์มนุษย์นี่เองที่เป็นสัตว์ประเสริฐ! คือยังไง ?

(คือ)*เมื่อยังคว่ำหน้าอยู่ ก็เหมือนกัน*

พระพุทธเจ้าของเรา เมื่อเกิดมาทีแรก

ก็เป็นคนธรรมดาสามัญชั้นปัญญาชน

แต่(เมื่อยัง)ไม่รู้-(ก็)คว่ำหน้าอยู่เช่นเดียวกัน

เรียกว่า‘เป็นปุถุชน’

เหมือนกันกับพวกเราในยุคนี้-สมัยนี้นี่เอง

บัดนี้(คำว่า) ‘สัตว์ทั้งหลายเป็นตถาคต’

เมื่อพระองค์หงายหน้าขึ้นมา หรือมายเกลียว

นอตที่อัด-ขันแน่นเข้ามานั้น(ก็)คลายออก

บ้านผมเรียกว่า‘คลายเกลียวออก’

มีกุญแจปากตายหรือกุญแจเลื่อน กุญแจอะไรก็ตาม

นอตที่มันขันแน่นอยู่ แล้วคลายออกให้หมด

อันนั้นแหละ เรียกว่า‘คลายเกลียวออก’

ของที่*คว่ำหน้า คือไม่รู้ความจริง*นั่นเอง

คว่ำหน้าไว้-เป็นอย่างนั้น เรียกว่าคือกัน

บัดนี้ **‘สัตว์ทั้งหลายเป็นตถาคต’

เพราะว่ารู้แจ้ง-เห็นจริงตามความเป็นจริง

เป็นได้เช่นเดียวกัน**

ดังนั้นพระพุทธเจ้าจึงสอนเอาไว้ว่า

**‘สัตว์ทั้งหลาย เราผู้เป็นตถาคตไปถึงแล้วแห่งนั้น

แล้วจึงนำมาสอนพวกเธอทั้งหลาย ให้พวกเธอทั้งหลาย

จงประพฤติปฏิบัติตามอย่างเราตถาคตนี่

ก็จะรู้-จะเห็น-จะเป็น-จะมีอย่างเราตถาคตนี่’**

ท่านสอนอย่างนั้น

เมื่อสอนอย่างนั้น ก็ต้องรู้อย่างนั้น-อย่างที่พระองค์นั้น

*เมื่อเราไม่ประพฤติ-ปฏิบัติตาม ก็จะรู้เหมือนพระองค์ไม่ได้*

ดังนั้น*การให้ทาน-การรักษาศีล การทำกรรมฐานนั้นดีแล้ว

แต่มันยังไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องทำความรู้สึกตัวนี้เอง*

คำว่า‘วิปัสสนา’ มันก็เป็นเพียงสมมติ-ชื่อมันเท่านั้นเอง

‘วิปัสสนา’มันเป็นภาษาที่พูด ภาษา-ศัพท์แสงอะไรไม่รู้

หลวงพ่อไม่รู้หรืออาตมาไม่รู้ แต่รู้จักว่า‘วิปัสสนา’-รู้

**‘วิปัสสนา’…แปลว่ารู้แจ้ง-รู้จริง ต่างเก่าล่วงภาวะเดิม’**

*เมื่อจิตใจของเรายังมืด ยังไม่มีความสว่างภายในจิตใจ

จะเป็นวิปัสสนาไม่ได้*

ต่อเมื่อ**เราทำความรู้สึกตัว-ตื่นตัว รู้สึกใจ-ตื่นใจ

ในการทำ-ในการพูด-ในการคิด

มีความสว่างขึ้นภายในจิตใจ เหมือนกับหงายของที่คว่ำ

คลายหรือมายเกลียวที่อัดแน่นออก เบาขึ้นมา

นั่นแหละคือวิปัสสนา**

**‘วิปัสสนา’…จึงว่ารู้แจ้ง-รู้จริง เห็นแจ้ง-เห็นจริง

เมื่อรู้แจ้ง-รู้จริง เห็นแจ้ง-เห็นจริงแล้ว

ก็ต่างเก่าล่วงภาวะเดิม ต่างเก่าจริง ๆ

ต่างจากความเป็นปุถุชน หรือต่างจากความไม่รู้

จึงว่าล่วงภาวะเดิม ล่วงจากภาวะความเป็นปุถุชน

ล่วงจากภาวะเดิม ล่วงจากภาวะที่มันมืด

มาอยู่ความที่มันไม่มืด**

ทีแรกเหมือนกับที่เราอยู่ในถ้ำ (แล้ว)เราออกจากในถ้ำ

เมื่อในขณะที่เราอยู่ในถ้ำ

เราไปไหน-มาไหนก็ต้องมีไฟ ถ้าไม่มีไฟ-ก็ไปไม่ได้

**บัดนี้เราออกจากถ้ำ ออกจากในถ้ำมาอยู่ปากถ้ำ

หรือออกจากถ้ำ ไปอยู่ไกล ๆ ถ้ำ

(เราก็)มองเห็นถ้ำ มองเห็นรูในถ้ำ

และมองเห็นรูปถ้ำ มีลักษณะสัณฐานยังไง-ต้องรู้

อันนี้แหละคือวิปัสสนา**

ดังนั้นเมื่อเปรียบเข้ามา**ภายในจิตใจของเรา

มันนึก-มันคิดยังไง ก็รู้

คิดดี-ก็รู้ คิดชั่ว-ก็รู้ คิดไม่ดี-ก็รู้ คิดไม่ชั่ว-ก็รู้

อันนี้เรียกว่า‘เราออกจากความคิด

เราเห็นความคิด เราเข้าใจความคิด

เมื่อเห็นความคิด เข้าใจความคิด

มันก็ไม่ได้อัดแน่นอยู่ภายในจิตใจ เราก็วางมันได้

ความคิดที่มันคิดขึ้นมา เราก็ปล่อยมันได้

เรียกว่า‘วางมัน’ก็ได้ ‘ปล่อยมัน’ก็ได้

หรือว่า‘รู้เท่าทันมัน’ก็ได้ มันไม่ถูกปรุง-ไม่ถูกแต่งไป

อันนี้แหละจึงว่า‘ต่างเก่า-ล่วงภาวะเดิม’**

ดังนั้น**การศึกษาอย่างนี้

จะบวชเป็นพระก็ได้ บวชเป็นเณรก็ได้

ไม่ต้องบวชเป็นพระก็ได้ ไม่ต้องบวชเป็นเณรก็ได้

จะให้ทานก็ได้ รักษาศีลก็ได้

ไม่ให้ทานก็ได้ ไม่รักษาศีลก็ได้**…”

หลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ

————————————————————————————————

※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※

※ อย่าหลงตน-อย่าลืมตัว ※

※ ※

※ อย่าหลงกาย-อย่าลืมใจ ※

※ ※

※ อย่าหลงชีวิต ※

※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※

รู้สึกตัว…รู้สึกกาย รู้สึกใจ

_/|\_ _/|\_ _/|\_

ไม่มีคำอธิบายรูปภาพ


Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *