รู้สึกกาย รู้สึกใจ 6 พฤษภาคม 2023

“…**เมื่อคนใดรู้สภาพภาวะอาการเกิดดับอันนี้

มันเหมือนกับที่ผมเคยพูดเปรียบเทียบให้ฟังว่า

‘เราผูกเชือกไนล่อนกับเสา ๒ ต้นไว้ให้ตึง (แล้ว)ตัดตรงกลาง

มันจะกระดอนกลับไปสู่เสาทั้ง ๒ ทันทีเลย

เมื่อดึงมาหากันอีก มันไม่ถึง

เรียกว่า‘มันเกิดแล้วดับไป-ดับสูญไป’

ดับสูญ ไม่ใช่ว่าไม่มีอะไรเลย

แต่หมายความว่าสิ่งนั้นจะไม่มี นี้แหละคืออาการเกิดดับ**

เขาก็เลยยกเอามาไว้ในเรื่องของอายตนะว่า

‘ตาเห็นรูป ก็อย่าให้เห็นเป็นรูปสวย-ไม่สวย งาม-ไม่งาม

หูฟังเสียง ก็อย่าให้ได้ยินเป็นเสียงเพราะ

อย่างนี้มันยังเป็นคำพูด แต่ยังมีเชื้ออยู่

*ถ้ายังมีเชื้ออยู่อย่างนี้

ถึงพูดไปได้ แต่ตัวคนที่พูดนั้นยังไม่รู้จริง

เพราะมันเป็นยางเหนียวอยู่*

**ถ้าเราตัดขาดสิ่งนั้นแล้ว มันเป็นเอง

ความเป็นเองนั้น มันมาขาดเอาเองของมัน

ถึงเราจะยังไม่เป็นเดี๋ยวนี้ แต่จวนจะหมดลมหายใจนี่

ต้องประสบเรื่องนี้แน่นอนทุกคนยกเว้นไม่ได้

จึงว่า‘รีบทำ ให้รีบทำให้อยู่ในกำมือของเรา’

ถ้าเราไม่ทำเอง แล้วให้คนอื่นเขาทำแทน-มันก็ไม่ได้

คนอื่นทำ คนอื่นก็รู้**

ที่หลวงพ่อพูดให้ฟังนี้ ก็ไม่ใช่ว่าหลวงพ่อจะไปทำแทน

มีแต่เพียงแนะนำว่า **‘ให้มีความรู้สึกตัว’

ถ้ามีความรู้สึกตัวมากเข้า-มากเข้า

ความไม่รู้มันจะจางไป-จางไป

เมื่อหมดแล้ว ก็เรียกว่า‘มันดับไม่เหลือ’**

ที่เราสวดมนต์ทำวัตรเช้า-วัตรเย็น ว่า

‘จิตหลุดพ้นแล้วจากสิ่งทั้งปวง

ไม่มีอะไรจะมาปรุงแต่งได้อีกต่อไป’

อันนั้นเป็นเพียงคำพูด เราเอามาสวดกัน-ก็สวดได้

แต่เราเห็นไหม ?

เห็นจิตใจเราหลุดพ้นไปจริงไหม ?

ไม่มีอะไรปรุงแต่งได้จริงไหม ?

เป็นจิตลักษณะไหน ?

เราจะไม่รู้

อันที่ไม่รู้ ก็คือยังเป็นเพียงคำพูด

จึงว่า *‘คำพูดนั้นดีแล้ว

แต่ว่าคำพูดถึงจะร้อยคำ-พันคำ-หมื่นคำ หรือแสนคำ

ก็สู้การกระทำให้เราเป็นครั้งเดียวไม่ได้*

**ถ้าเราเป็น-เรามีแล้ว เราพูดก็ได้-เราไม่พูดก็ได้’**

มันจำเป็นต้องเป็นอย่างนั้น

จึงว่า**‘ธรรมะแท้’นั้น-เหมือนกันกับพระพุทธเจ้า

สาวกทุกองค์ต้องรู้เหมือนกัน มีความไม่ทุกข์เท่ากัน

ถ้าหากรู้จริงนะ’**

แต่ถ้าไม่รู้จริง ก็จะไปคาดคิดเอาว่า

พระพุทธเจ้าต้องมีความสุขมาก พระสาวกต้องมีความสุขน้อย

พระพุทธเจ้าต้องมีความรู้มาก พระสาวกรู้น้อย

อันนั้นก็จริงทางทฤษฎีวิชาการ เพราะพระองค์เรียนมามาก

การพูด-การสอนของพระองค์จึงมาก

ท่านพูดอะไร จึงมีมาก

แต่ความจริงแล้ว มีเป้าหมายจุดเดียว

กล่าวคือ จุดที่ทำให้มันหมดนี้เอง

ให้มันขาดออกจากกันนี้เอง

ทำอย่างนี้ ทำไมจึงไปเป็นอย่างนั้น ?

จึงว่า‘เป็นสิ่งน่าอัศจรรย์ที่สุด’

คำว่า‘อัศจรรย์’นี้ ก็คือว่า

ไม่เคยรู้-ไม่เคยเห็น-ไม่เคยเป็น-ไม่เคยมี

นึกว่าทำอย่างนี้ มันจะไม่เป็นไปอย่างนั้น

แต่เมื่อทำไปอย่างนี้ ทำไมมันไปเป็นอย่างนั้นได้ ?

มันเกี่ยวโยงกันอย่างไร ?

จึงว่า‘นี่อ้อ…สำคัญ น่าอัศจรรย์ !!!’

**ทำความรู้สึกตัว-ตื่นตัว ทำความรู้สึกใจ-ตื่นใจ

เนี่ย ! มันเป็นสิ่งที่งึด (น่าพิศวง น่าอัศจรรย์)**

หรือว่าอัศจรรย์ หรือจะว่าอย่างไรนี่

ซึ่งไม่สามารถที่จะพูดได้ หมดคำพูด

แต่**เมื่อทุกคนได้ประสบแล้ว จะพูดเอาเองว่า‘โอ! นี้จริง’**

**อย่างที่‘พระพุทธเจ้าตัดผมครั้งเดียว’ ก็อันนี้แหละ

ตัดเชือกไนล่อนครั้งเดียว-ขาดเลย นั่น! พระพุทธเจ้า

ซึ่งเราก็ต้องทำได้เช่นเดียวกัน**

ตัดผม ก็ไม่ได้หมายถึงผมบนศีรษะนะ

**มันจะเข้าสู่สภาพของมัน

รูปนี้จะเข้าสู่สภาพของมัน ใจก็จะเข้าสู่สภาพของมัน

เมื่อมันเข้าสู่สภาพของมันแล้ว

ก็แสดงว่า มันไม่ต้องออกมารับ-มาสู้อะไร

มันต้องเตรียมตัวมาอยู่อย่างนั้น

นี่-อันนี้…ที่หลวงพ่อพูดให้ฟังว่า‘อาการเกิดดับ’

ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลง ไม่แปรผัน**…”

หลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ

————————————————————————————————

※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※

※ อย่าหลงตน-อย่าลืมตัว ※

※ ※

※ อย่าหลงกาย-อย่าลืมใจ ※

※ ※

※ อย่าหลงชีวิต ※

※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※

รู้สึกตัว…รู้สึกกาย รู้สึกใจ

_/|\_ _/|\_ _/|\_


Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *