“…ความคิดนี่เหมือนกับกระแสน้ำ เหมือนกับกระแสน้ำ
เราเคยได้ยิน-ได้ฟังมาแล้ว
พระพุทธเจ้าก่อนที่จะได้ตรัสรู้
จับเอาถาดหรือขัน(ของ)นางสุชาดา
นึกว่า(พระพุทธเจ้า)เป็นเทวดา
พระพุทธเจ้าได้กินข้าวในขันของนางสุชาดา
แล้วถามนางสุชาดาว่า
‘จะถวายแต่ข้าว หรือจะถวายทั้งหมด ?’
ถามนางสุชาดา
นางสุชาดาก็ว่า ‘ถวายทั้งหมด ไม่เอาอะไรกลับคืนเลย’
พระองค์ก็จับถาดหรือขันอันนั้นแหละ ลงไปริมแม่น้ำ
ก็ไปนั่งอธิษฐานว่า
‘ถ้าหากข้าพเจ้าจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า
ฆ่ากิเลสตาย-คายกิเลสหลุด เอาชนะทุกข์ได้
วางถาดหรือขันใบนี้แหละลงบนผิวน้ำนี่
ให้ถาดและขันใบนี้แหละ
ทวนกระแสของน้ำขึ้นไปถึงต้นน้ำโน่น’
ว่าอย่างนี้
‘ในทางตรงกันข้าม
ถ้าหากจะไม่ได้ตรัสรู้ ไม่ได้เป็นพระพุทธเจ้า
ฆ่ากิเลสไม่ตาย-คายกิเลสไม่หลุด เอาชนะทุกข์ไม่ได้
วางถาดและขันใบนี้ลงไปบนผิวน้ำนี่
ให้มันไหลไปตามกระแสของน้ำ’
ว่าอย่างนั้น
พอดีพูดจบแล้ว ก็เลยวางถาดขันอันนั้นลงไป
ถาดขันอันนั้นก็เลยทวนกระแสของน้ำขึ้นไปถึงต้นน้ำ
ก็ไปจมลงที่ตรงกาละนาค(พญานาค)นอนหลับอยู่
ไปซ้อนเข้าเป็นหมอนให้กาละนาคนอน
*อันนั้นมันเป็นปุคคลาธิษฐาน* ให้เข้าใจ
จึงว่า‘(มี)ธรรมาธิษฐาน (และ)ปุคคลาธิษฐาน’
ธรรมาธิษฐาน ท่านเว้าเรื่องธรรมะ
เราไปตี(ความ) เป็นบุคคลขึ้นมา
อันกาละนาคนอนหลับนั้น
คือว่าเหมือนเรานี่แหละ(ที่)นอนหลับทับสิทธิ์
หลงตน-ลืมตัว ไม่คิดถึงจิต-ถึงใจ
เรียกว่า‘นอนหลับทับสิทธิ์’
ดังนั้น**ทวนกระแสของน้ำ คือทวนกระแสของความคิด
มันคิดอยากไป เราไม่ต้องไป
มันคิดอยากขับรำทำเพลง เราก็ไม่ต้องขับรำทำเพลง
มันอยากดื่มสุรา เราก็ต้องไม่ดื่มสุรา
มันอยากใช้สิ่งของอะไรต่าง ๆ แปลก ๆ ทันสมัย(กับ)เขา
ก็ไม่ต้องใช้อย่างนั้น
ให้ใช้ชีวิตเป็นธรรมดา ๆ ใช้ชีวิตเป็นธรรมดา ๆ**
**ธรรมะ จึงว่าเป็นธรรมดา**
*‘ผิดธรรมดาไปแล้ว-ไม่ใช่ธรรมะ มันเป็นอธรรม’*
ท่านว่าอย่างนั้น…”
หลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ
————————————————————————————————
※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※
※ อย่าหลงตน-อย่าลืมตัว ※
※ ※
※ อย่าหลงกาย-อย่าลืมใจ ※
※ ※
※ อย่าหลงชีวิต ※
※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※
รู้สึกตัว…รู้สึกกาย รู้สึกใจ
_/|\_ _/|\_ _/|\_

ใส่ความเห็น