“…‘พุทธานุพุทธัง สามะสีละทิฏฐัง’
เราสวด‘โยจักขุมา’นะครับ แปลเป็นใจความว่า
**ผู้ตรัสรู้ตามพระพุทธเจ้า มีศีลและทิฐิเสมอกัน
ท่านว่า‘มีเหมือนกันกับพระพุทธเจ้าครับ
และก็รู้-เห็น-เป็น-มีเหมือนกันกับพระพุทธเจ้า
มีความสุขเท่ากัน มีความไม่มีทุกข์เท่ากัน**
รู้อารมณ์เช่นเดียวกัน
แต่ไม่แตกฉานเหมือนกันกับพระพุทธเจ้า
เพราะพระพุทธเจ้านั้นเป็นผู้แตกฉาน มีความรู้มาก
ท่านเรียนมากนะครับ’
**อันนี้ที่นำมาเล่าให้ฟัง เป็นวิธีแก้วิปลาส
เป็นวิธีแก้ของจินตญาณ เป็นวิธีแก้ของวิปัสสนู
ถ้ามันตึงเครียด-มึนหัว หนักอก-หนักใจขึ้น
เราต้องทำเบา ๆ อย่าไปเพ่ง
ถ้าไปเพ่งแล้ว-มันแน่นเข้า มันแก้ไม่ได้
ทำให้มันสบาย มองไกล ๆ นี่ครับ
ถ้ามองไกลแล้ว มันคลายออกไป-ความรู้นั้น
ความหนักอก-หนักใจนั้น มันจะคลายออกไปเองครับ
อันนี้เป็นวิธีแก้
จินตญาณก็เช่นเดียวกัน ให้แก้อย่างนั้น
ตอนวิปลาสนี่ ต้องให้แก้ตอนมาทวนอารมณ์ครับ
ให้มันมีอารมณ์อยู่กับอารมณ์ แล้วก็ทำเบา ๆ
แต่ส่วนวิปัสสนูกับจิตนตญาณนั้น ต้องแก้วิธีทำ
แต่ว่าทวนอารมณ์น้อยครับ
แต่เรื่องรูป-นามนั้น ก็ต้องให้มันแจ่มใส
ตอนวิปลาสนี่ ต้องทวนอารมณ์
ทำให้มันสบาย ๆ อยู่กับอารมณ์ครับ
เมื่ออารมณ์แจ่มใสขึ้นมาแล้ว
ความตึงเครียดก็ลดน้อยไปทันที
แต่ให้มันคิด ห้ามไม่ได้-ความคิด
แต่มันจะคิด รู้-เห็น-เข้าใจ-เป็น-มี-เข้าใจจริง ๆ
อันนี้เรียกว่า‘เป็นวิปัสสนาล้วน ๆ’ ครับ
มันจะเป็นเองมัน เพราะทุกคนต้องมีอย่างนั้น**
อันนี้แหละ**พระพุทธเจ้าท่านสอนว่า
‘สัตว์ทั้งหลายคือเราตถาคต
สัตว์ทั้งหลายเหมือนเราตถาคต
สัตว์ทั้งหลายเป็นตถาคตเหมือนกัน เป็น-มีเหมือนกัน’**
เราต้องเข้าใจ
แต่ไม่ใช่เป็นพระพุทธเจ้า เป็นสาวกพุทธะ
เราจะว่าเป็นปัจเจกพุทธะก็ได้ เป็นสาวกพุทธะก็ได้
หรือจะว่าอย่างไรก็ได้ มันเป็นเรื่องสมมติ
จึงรู้ตาม-เห็นตาม-เข้าใจตาม
จึงจะสมกับที่เราสวดกัน หลักสังฆคุณว่า
‘สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
**สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้านั้น หมู่ใดปฏิบัติดีแล้ว’
คือปฏิบัติอย่างถูกต้องครับ**
‘อุชุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
**สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้านั้น หมู่ใดปฏิบัติตรงแล้ว’
ปฏิบัติตรงต่อตัวเอง ตรงต่อคำพูดคำสอนของพระพุทธเจ้า**
‘ญายะปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
**สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้านั้น
หมู่ใดปฏิบัติเพื่อรู้ธรรม เป็นเครื่องออกจากทุกข์แล้ว’
ออกจากโทสะ-ออกจากโมหะ-ออกจากโลภะ
ออกจากกิเลส-ออกจากตัณหา-ออกจากอุปาทาน
กรรม-วิบากเหล่านั้น จะออกไป-จางไป-จางไป**
จึงว่า ‘สามีจิปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
**สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้านั้น
หมู่ใดปฏิบัติสมควรแล้ว’ คือจะไม่หลง-ไม่ลืมครับ**
‘ยะทิทัง จัตตาริ ปุริสะยุคานิ อัฏฐะ ปุริสะปุคคะลา
คู่แห่งบุรุษ ๔ คู่ นับเรียงตัวบุรุษได้ ๘ บุรุษ
เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
นั่นแหละสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า’
**จะเป็นผู้หญิง-ก็เป็นสงฆ์ได้ เป็นผู้ชาย-ก็เป็นสงฆ์ได้
เป็นพระ-เป็นเณร ก็เป็นสงฆ์ได้
บวช-ก็เป็นสงฆ์ได้ ไม่บวช-ก็เป็นสงฆ์ได้
ถือศาสนาใดก็ตาม นุ่งผ้าสีอะไรก็ตาม ลัทธิใดก็ตาม
ไม่จำกัด-ไม่กำหนดกฎเกณฑ์ การปฏิบัติแบบนี้ครับ
รับรองได้ครับ**…”
หลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ
————————————————————————————————
※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※
※ อย่าหลงตน-อย่าลืมตัว ※
※ ※
※ อย่าหลงกาย-อย่าลืมใจ ※
※ ※
※ อย่าหลงชีวิต ※
※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※
รู้สึกตัว…รู้สึกกาย รู้สึกใจ
_/|\_ _/|\_ _/|\_

ใส่ความเห็น