“…นรกมีหมด
คนถือศาสนาพุทธ-ก็มีนรก ถือศาสนาคริสต์-ก็มีนรก
ถือศาสนาอิสลาม-ก็มีนรก
ถือศาสนาฮินดู-เขาเรียกว่าศาสนาพราหมณ์
ก็มีนรกเหมือนกันหมด
อ้าว! ก็จะไปถือศาสนาพุทธทำไม ?
ก็ไปถือศาสนาคริสต์ที่มันไม่มีนรกโน่นสิ
ไปถือศาสนาอิสลามโน่นสิ
ถือศาสนาพราหมณ์-ศาสนาฮินดูโน่นสิ
เราอยากไปตกนรกไหม ?
เราไม่อยากไปตกนรก จะไปถือทำไมศาสนาพุทธนะ
บัดนี้ถ้ามีนรกตั้งแต่ศาสนาคริสต์
เราก็ทิ้งศาสนาคริสต์ซะ มาถือศาสนาพุทธซะ
มันก็แล้วกันเท่านั้นนะ
อันนี้แหละ เราไม่เข้าใจเรื่องพุทธศาสนา
‘พุทธ’ แปลว่าผู้รู้-ผู้ตื่น-ผู้เบิกบาน… ท่านว่าอย่างนั้น
‘ศาสนา’ แปลว่าคำสอนของบุคคลที่รู้อย่างนั้น
อันคำสอนของบุคคลที่รู้นี่ ไม่ใช่พุทธศาสนานะ
ฟังให้เป็นตรงนี้ ฟังให้เป็นเพื่อความเข้าใจ
คนที่รู้เรื่องไหว้ผี (ก็สอนว่า)
‘เอ้า ไปไหว้ผีที่นั้น-ไปไหว้ผีที่นี้’ แน่ะ!
คนรู้เรื่องไหว้ผี เขาเรียก‘ศาสนาผี’
ศาสนาพราหมณ์ (สอนเรื่อง)ฤกษ์งาม-ยามดี
‘เสียเคราะห์นะ-บูชารับโชคนะ ฤกษ์งามยามดีนะ’
อันนั้นเขาว่า‘ศาสนาพราหมณ์’
คนผู้ใดรู้เรื่องอันใด เขา(ก็)นำเรื่องนั้นมาสอน
เรียกว่า‘ศาสนา’ แปลว่าคำสั่งสอนของท่านผู้รู้
เขารู้เรื่องไหว้เทวดา เขาก็สอนเรื่องเทวดา
*ไม่ใช่ศาสนาพุทธ* ให้เข้าใจอย่างนั้น
จะเข้าใจ-ไม่เข้าใจ ก็ตามใจแล้ว…พูดให้ฟังเฉย ๆ
อันนี้ ถ้าไม่เข้าใจแล้วจะผิดกฎหมายไหม ?
ไม่-ไม่ผิดกฎหมาย เรื่องแบบนี้ไม่ผิดกฎหมาย
‘ศาสนา’ แปลว่าคำสอนของท่านผู้รู้
สอนเข้าหูคนนั้น ตัวคนนั้นเป็นตัวศาสนา
ศาสนา จึงว่าคือคนทุกคน-ไม่ยกเว้น
*‘พุทธศาสนา’ คือตัวสติ-ตัวปัญญา
(ที่)เข้ามารู้ตัวชีวิต-จิตใจนี้
‘พุทธะ’ จึงแปลว่าผู้รู้-ผู้ตื่น-ผู้เบิกบานด้วยธรรม*
‘ศาสนา’กับ‘พุทธศาสนา’ จึงว่าแยกกันที่ตรงนี้-ให้เข้าใจ
เรื่องการทำบุญ-ให้ทาน-รักษาศีลนั้น
มันมีมาก่อนพุทธศาสนา อันนั้นเขาเรียกว่า‘ศาสนาพราหมณ์’
เราเคยได้ยินเรื่องเจ้าชายสิทธัตถะกุมารเกิดขึ้นมา
แล้วก็ไปเชิญเอาพราหมณ์มา ๑๐๘ คน มาทำนาย-ทายทัก
ดูฤกษ์-ดูยาม อันนี้ศาสนาพราหมณ์มีแล้ว
เรื่องการให้ทาน มีแล้วตลอดมา
เจ้าชายสิทธัตถะกุมาร หรือเป็นพระมหากษัตริย์-ว่าอย่างนั้นก็ได้
จนได้เป็นผู้ครองราชสมบัติ
พานางสนม-บริวารออกไปชมสวนดอกไม้
ไปเห็นรูปเด็กน้อย-คนเกิด-คนแก่-คนเจ็บ-คนตาย
เห็นไปอย่างนั้น
แล้วก็เห็นรูปสมณเพศ แน่ะ!-การบวชก็มีมาก่อนแล้ว
ไม่ใช่พุทธศาสนา-อันนั้น
ใครจะว่าอย่างไรก็ตามใจ อย่าไปยึด-ไปถือ
*เรารู้จักดีแล้ว เราไม่ต้องไปยึด-ไปถือ
อย่าไปแบก เขาว่ายิ่งแบก-ก็ยิ่งหนัก
อย่าไปทึกทักเอาว่าเรารู้ ครั้นเราไม่รู้จริง*
อันนั้นมันมีมาก่อนแล้ว ไม่ใช่พุทธศาสนา
เป็นเพียงศาสนาเฉย ๆ อันนั้น
เรื่องสวรรค์-นิพพาน มันมีมาก่อนแล้ว
แต่ไม่มีผู้ใดค้นพบ ท่านว่าอย่างนั้น
ตลอด(การ)ทำกรรมฐานได้สมาบัติ ๘ นี่นะ
อันนี้ก็มีมาก่อนแล้ว อันนั้นก็ไม่ใช่พุทธศาสนา
เป็นศาสนาพราหมณ์ ตามความเข้าใจของผม
ผู้อื่นจะเข้าใจอย่างใด ก็ตามใจผู้ใดแล้ว
ผม-ทีแรกผมก็เข้าใจว่า
‘โอ! ศาสนาต้องมีวัด-มีโบสถ์ มีพระ-มีเณร
แล้วก็มีพระพุทธรูป มีหมู่นี้’ ผมเข้าใจอย่างนั้น ๑๐๐%
เพราะพ่อผมก็เป็นชาวพุทธ แม่ก็เป็นชาวพุทธ
ตัวผมเองเกิดมาเป็นชาวพุทธแต่กำเนิด
อันนั้นชาวพุทธแบบสำมะโนครัว ชาวพุทธแบบไม่รู้
เมื่อผมไปปฏิบัติธรรมะ ผมรู้เรื่องนี้ขึ้นมา
ตลอดมาอดข้าว-อดน้ำน่ะ ผมรู้จักแบบนี้
ผมปฏิบัติอดข้าว-อดน้ำนี่นะ ไม่กินข้าว-ไม่กินน้ำ
ไม่พูด-ไม่คุยกับใคร จนคิดไม่หายใจ-ว่าปานนั้นแหละ
กลั้นกระทั่งลมหายใจ
กลัวดวงจิต-วิญญาณอะไรมาเข้ารูจมูกนี่ มันจะเป็นบาป
นี่ผมจึงเข้าใจเรื่องนี้ ว่าไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องถือศีล-กินเจอะไร
ผมเข้าใจอย่างนี้
อ๋อ! *เรื่องการปฏิบัติธรรมะไม่ได้จำกัดเพศ-วัย
ไม่ใช่จำกัดว่าถือศีล-กินเจอะไรนะ
มาดูความคิดนี่นะ* เข้าใจอย่างนั้น…”
หลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ
————————————————————————————————
※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※
※ อย่าหลงตน-อย่าลืมตัว ※
※ ※
※ อย่าหลงกาย-อย่าลืมใจ ※
※ ※
※ อย่าหลงชีวิต ※
※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※
รู้สึกตัว…รู้สึกกาย รู้สึกใจ
_/|\_ _/|\_ _/|\_

ใส่ความเห็น