รู้สึกกาย รู้สึกใจ 24 กุมภาพันธ์ 2021

“…นรกมีหมด

คนถือศาสนาพุทธ-ก็มีนรก ถือศาสนาคริสต์-ก็มีนรก

ถือศาสนาอิสลาม-ก็มีนรก

ถือศาสนาฮินดู-เขาเรียกว่าศาสนาพราหมณ์

ก็มีนรกเหมือนกันหมด

ถ้าหาก(นรก)มีแต่ศาสนาพุทธ

อ้าว! ก็จะไปถือศาสนาพุทธทำไม ?

ก็ไปถือศาสนาคริสต์ที่มันไม่มีนรกโน่นสิ

ไปถือศาสนาอิสลามโน่นสิ

ถือศาสนาพราหมณ์-ศาสนาฮินดูโน่นสิ

เราอยากไปตกนรกไหม ?

เราไม่อยากไปตกนรก จะไปถือทำไมศาสนาพุทธนะ

บัดนี้ถ้ามีนรกตั้งแต่ศาสนาคริสต์

เราก็ทิ้งศาสนาคริสต์ซะ มาถือศาสนาพุทธซะ

มันก็แล้วกันเท่านั้นนะ

อันนี้แหละ เราไม่เข้าใจเรื่องพุทธศาสนา

‘พุทธ’ แปลว่าผู้รู้-ผู้ตื่น-ผู้เบิกบาน… ท่านว่าอย่างนั้น

‘ศาสนา’ แปลว่าคำสอนของบุคคลที่รู้อย่างนั้น

อันคำสอนของบุคคลที่รู้นี่ ไม่ใช่พุทธศาสนานะ

ฟังให้เป็นตรงนี้ ฟังให้เป็นเพื่อความเข้าใจ

คนที่รู้เรื่องไหว้ผี (ก็สอนว่า)

‘เอ้า ไปไหว้ผีที่นั้น-ไปไหว้ผีที่นี้’ แน่ะ!

คนรู้เรื่องไหว้ผี เขาเรียก‘ศาสนาผี’

ศาสนาพราหมณ์ (สอนเรื่อง)ฤกษ์งาม-ยามดี

‘เสียเคราะห์นะ-บูชารับโชคนะ ฤกษ์งามยามดีนะ’

อันนั้นเขาว่า‘ศาสนาพราหมณ์’

คนผู้ใดรู้เรื่องอันใด เขา(ก็)นำเรื่องนั้นมาสอน

เรียกว่า‘ศาสนา’ แปลว่าคำสั่งสอนของท่านผู้รู้

เขารู้เรื่องไหว้เทวดา เขาก็สอนเรื่องเทวดา

*ไม่ใช่ศาสนาพุทธ* ให้เข้าใจอย่างนั้น

จะเข้าใจ-ไม่เข้าใจ ก็ตามใจแล้ว…พูดให้ฟังเฉย ๆ

อันนี้ ถ้าไม่เข้าใจแล้วจะผิดกฎหมายไหม ?

ไม่-ไม่ผิดกฎหมาย เรื่องแบบนี้ไม่ผิดกฎหมาย

‘ศาสนา’ แปลว่าคำสอนของท่านผู้รู้

สอนเข้าหูคนนั้น ตัวคนนั้นเป็นตัวศาสนา

ศาสนา จึงว่าคือคนทุกคน-ไม่ยกเว้น

*‘พุทธศาสนา’ คือตัวสติ-ตัวปัญญา

(ที่)เข้ามารู้ตัวชีวิต-จิตใจนี้

‘พุทธะ’ จึงแปลว่าผู้รู้-ผู้ตื่น-ผู้เบิกบานด้วยธรรม*

‘ศาสนา’กับ‘พุทธศาสนา’ จึงว่าแยกกันที่ตรงนี้-ให้เข้าใจ

เรื่องการทำบุญ-ให้ทาน-รักษาศีลนั้น

มันมีมาก่อนพุทธศาสนา อันนั้นเขาเรียกว่า‘ศาสนาพราหมณ์’

เราเคยได้ยินเรื่องเจ้าชายสิทธัตถะกุมารเกิดขึ้นมา

แล้วก็ไปเชิญเอาพราหมณ์มา ๑๐๘ คน มาทำนาย-ทายทัก

ดูฤกษ์-ดูยาม อันนี้ศาสนาพราหมณ์มีแล้ว

เรื่องการให้ทาน มีแล้วตลอดมา

เจ้าชายสิทธัตถะกุมาร หรือเป็นพระมหากษัตริย์-ว่าอย่างนั้นก็ได้

จนได้เป็นผู้ครองราชสมบัติ

พานางสนม-บริวารออกไปชมสวนดอกไม้

ไปเห็นรูปเด็กน้อย-คนเกิด-คนแก่-คนเจ็บ-คนตาย

เห็นไปอย่างนั้น

แล้วก็เห็นรูปสมณเพศ แน่ะ!-การบวชก็มีมาก่อนแล้ว

ไม่ใช่พุทธศาสนา-อันนั้น

ใครจะว่าอย่างไรก็ตามใจ อย่าไปยึด-ไปถือ

*เรารู้จักดีแล้ว เราไม่ต้องไปยึด-ไปถือ

อย่าไปแบก เขาว่ายิ่งแบก-ก็ยิ่งหนัก

อย่าไปทึกทักเอาว่าเรารู้ ครั้นเราไม่รู้จริง*

อันนั้นมันมีมาก่อนแล้ว ไม่ใช่พุทธศาสนา

เป็นเพียงศาสนาเฉย ๆ อันนั้น

เรื่องสวรรค์-นิพพาน มันมีมาก่อนแล้ว

แต่ไม่มีผู้ใดค้นพบ ท่านว่าอย่างนั้น

ตลอด(การ)ทำกรรมฐานได้สมาบัติ ๘ นี่นะ

อันนี้ก็มีมาก่อนแล้ว อันนั้นก็ไม่ใช่พุทธศาสนา

เป็นศาสนาพราหมณ์ ตามความเข้าใจของผม

ผู้อื่นจะเข้าใจอย่างใด ก็ตามใจผู้ใดแล้ว

ผม-ทีแรกผมก็เข้าใจว่า

‘โอ! ศาสนาต้องมีวัด-มีโบสถ์ มีพระ-มีเณร

แล้วก็มีพระพุทธรูป มีหมู่นี้’ ผมเข้าใจอย่างนั้น ๑๐๐%

เพราะพ่อผมก็เป็นชาวพุทธ แม่ก็เป็นชาวพุทธ

ตัวผมเองเกิดมาเป็นชาวพุทธแต่กำเนิด

อันนั้นชาวพุทธแบบสำมะโนครัว ชาวพุทธแบบไม่รู้

เมื่อผมไปปฏิบัติธรรมะ ผมรู้เรื่องนี้ขึ้นมา

ตลอดมาอดข้าว-อดน้ำน่ะ ผมรู้จักแบบนี้

ผมปฏิบัติอดข้าว-อดน้ำนี่นะ ไม่กินข้าว-ไม่กินน้ำ

ไม่พูด-ไม่คุยกับใคร จนคิดไม่หายใจ-ว่าปานนั้นแหละ

กลั้นกระทั่งลมหายใจ

กลัวดวงจิต-วิญญาณอะไรมาเข้ารูจมูกนี่ มันจะเป็นบาป

นี่ผมจึงเข้าใจเรื่องนี้ ว่าไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องถือศีล-กินเจอะไร

ผมเข้าใจอย่างนี้

อ๋อ! *เรื่องการปฏิบัติธรรมะไม่ได้จำกัดเพศ-วัย

ไม่ใช่จำกัดว่าถือศีล-กินเจอะไรนะ

มาดูความคิดนี่นะ* เข้าใจอย่างนั้น…”

หลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ

————————————————————————————————

※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※

※ อย่าหลงตน-อย่าลืมตัว ※

※ ※

※ อย่าหลงกาย-อย่าลืมใจ ※

※ ※

※ อย่าหลงชีวิต ※

※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※

รู้สึกตัว…รู้สึกกาย รู้สึกใจ

_/|\_ _/|\_ _/|\_

ไม่มีคำอธิบายรูปภาพ


Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *