รู้สึกกาย รู้สึกใจ 27 กุมภาพันธ์ 2021

“…หลวงพ่อขอถาม

*หนูเคยมีความทุกข์บ้างไหม ? (โยมตอบ)-‘มีค่ะ’

เพราะหยุดความคิดไม่ได้นั่นเอง

ความคิดนี่ มันสามารถทำให้คนทุกข์ได้

ความรู้สึกตัวนี่ มันสามารถไปตัดความทุกข์ได้หมด*

จึงว่า *เรื่องอะไรทั้งหมดก็ตาม

ศาสนา-พุทธศาสนา อะไรทั้งหมดก็ตาม

หลวงพ่อรวมความแล้ว มีความรู้สึกตัวอย่างเดียว

ความรู้สึกตัวทั่วพร้อมนั้น มันไม่สามารถที่จะปรุงเราได้

ถ้าหากทุกคนรู้อย่างนี้แล้ว ก็ไม่มีเรื่องอะไรทั้งหมด

คนมันไม่รู้จัก มันเข้าไปในความคิด

ความคิดก็เลยปรุงให้อันนั้นดี-อันนี้ดี

มันก็ทุกข์ขึ้นมา* ก็เลยเกิดแย่งอำนาจกัน

แย่งอำนาจ-ไม่ใช่ความรู้นะ ความคิดมันแย่งกัน

เมื่อสมัยก่อน เรียนนักธรรมตรี-นักธรรมโท

เป็นตำรวจ-เป็นทหาร-เป็นครูได้

บัดนี้ไม่ได้แล้ว ต้องเรียนมากขึ้น

หลวงพ่อเห็นเขาเรียนกัน หลวงพ่อไม่ได้เรียน

หลวงพ่อเห็นคนไปสอนโรงเรียนบ้านบุฮม บ้านหลวงพ่อ

เรียน ป.๔ เท่านั้น เป็นครูเล็กที่สุด

บัดนี้ ป.๔ ไม่ได้เป็นแล้ว จำต้อง ม.๑, ม. ๒ ไปอย่างนั้น

บัดนี้ ม.๑, ม.๒ เป็นครูไม่ได้แล้วเดี๋ยวนี้

ก็ต้องเรียน ม.๖, ม.๘ จึงจะได้เป็น

บัดนี้เรียน ม.๖, ม.๘-ก็ไม่ได้เป็นแล้ว ต้องเอาปริญญา-จึงจะได้เป็น

ก็เพราะแย่งชิงกันกับความคิดนี่เอง

บัดนี้ปริญญาตรี-โท หางานกันยากแล้ว

จำต้องปริญญาเอกแล้ว ปริญญาเอกอันเดียวก็ไม่ได้แล้ว

มีคนเยอรมันมาถามหลวงพ่อ

มีนักศึกษามหาวิทยาลัยตามมาด้วย เพราะหลวงพ่อไม่รู้คำแปล

เรียนปริญญาเอก ๓ ปริญญา

คนเยอรมันคนนั้นได้ปริญญาเอก ๓ ปริญญา เขาถามหลวงพ่อว่า

‘สวรรค์มีไหม-นิพพานมีไหม ?’ เขาถามหลายเรื่อง-‘ตายแล้วเกิด ?’

หลวงพ่อก็เลยพูดกับเขา เพราะเขาเป็นศาสนาคริสต์-เราก็เป็นพุทธ

หลวงพ่อถาม ศาสนาคริสต์กับศาสนาพุทธต่างกันอย่างไร ?

เขาว่าต่างกัน ศาสนาพุทธสอนอย่างไร-เขารู้

ศาสนาคริสต์ เขาก็รู้ว่า‘พระเป็นเจ้า

มารับรองเอาดวงวิญญาณเขาไปอยู่กับพระเป็นเจ้า’ ว่าอย่างนั้น

คริสต์ศาสนาเขารู้เรื่องพระเยซู

เขาถาม‘ชีวิตของพระกับชีวิตของนักบวชนี่เหมือนกันไหม ?’ เขาถามปัญหาดีนะ

เขาบอกว่า เขาถามมาหลายคนแล้ว-ไม่มีใครบอกเขา

อ้าว-ชีวิตของพระกับนักบวชต่างกันสิ

ต่างกันยังไง (ระหว่าง)นักบวชกับพระ

โกนหัว-นุ่งเหลืองห่มเหลือง บัดนี้ก็เป็นนักบวชแล้ว…แต่พระไม่ใช่อันนั้น

พระเยซู เขาก็เรียกว่าพระใช่ไหม ?

พระพุทธเจ้า เขาก็เรียกว่าพระเหมือนกันใช่ไหม ?

แล้วทำไมจึงว่า ศาสนาพุทธกับศาสนาพระเยซูผิดกัน-ทำไม ?

เรื่องพระแล้ว เหมือนกันหมด

พระเยซูกับพระพุทธเจ้า ก็คล้าย ๆ กัน

แต่ว่าคำพูดแต่ละคำ อาจไม่เหมือนกัน

แต่จุดหมายปลายทางคือกัน(เหมือนกัน)

*พระเป็นผู้สอนคน-ให้ความรู้คน สอนคนให้พ้นทุกข์

ชีวิตของพระ จึงว่าเป็นชีวิตที่ประเสริฐ-ราบรื่น

ชีวิตของนักบวชไม่ประเสริฐ-ราบรื่น ขึ้น ๆ-ลง ๆ*

เขาก็เลยบอกว่า ‘ไม่มีใครพูดให้เขาฟังแบบนี้’

ดังนั้น พระกับนักบวช-ไม่ใช่อันเดียวกัน…พูดอย่างนี้ก็ผิด

เพราะสังคมเขาถือว่า พระกับนักบวชเป็นอันเดียวกัน

แต่ความจริง เมื่อหลวงพ่อรู้ธรรมะ

หลวงพ่อว่า พระกับนักบวชไม่ใช่อันเดียวกัน

เมื่อหลวงพ่อเดินจงกรมไป-เดินจงกรมมา หลวงพ่อรู้

เรานุ่งกางเกงอยู่ ‘อ้อ-เราเป็นพระได้แล้ว’

หลวงพ่อจึงเอามือเกี่ยวผม-ดึงขึ้นมา เห็นรากผมขาว ๆ ๓ จุด

ชีวิตคนนี่ ถ้าไม่รู้อย่างนี้แล้ว-ไม่มีราคาเลย

เกิดมา กินแล้วก็นอน-ทำบุญบ้าง…(แล้วก็)ตายไป

ถ้าเอาเพียงแค่นั้น ก็ไม่ใช่คนล่ะ-เพราะไม่รู้จัก

คนนี่-หลวงพ่อรู้อย่างนี้ เอาเพียงแค่นั้นไม่ได้

ถ้าเอาแค่นั้น เรียกว่า‘ขาดทุน’

คำว่าคน-มาเกิดเป็นคน หมายถึงว่ามาค้าขาย

สมมติเอาว่าเรามาค้าขาย คนใดค้าขายไม่เป็น-ขาดทุน

แม้คน ถ้าเกิดมาเป็นคน-รู้จักหน้าที่ของคน

รู้จักความเป็นคน-ทำหน้าที่ของคนเป็น คนนั้นมีกำไร

จึงว่า‘พระเป็นผู้สอนคน’-จะเป็นพระยังไงก็ได้ เป็นโยมก็สอนได้

เรียกว่า*‘คนมีกำไร’ คือสอนให้ชีวิตของคนนั้นไม่มีทุกข์

คนสอนคนให้ไม่มีทุกข์นั่น แปลว่าพระ

จะเป็นโยมก็ได้-เป็นพระก็ได้*

สอนคนให้พ้นทุกข์จริงไหม ? ถ้าเขาไม่พ้นทุกข์-ก็แปลว่าเจ้าของสอนผิด

ถ้าสอนเขาไป-เขาได้พ้นทุกข์น้อย ก็แสดงว่าเจ้าของสอนถูกต้อง

เขาทำน้อย-ก็ได้พ้นทุกข์น้อย

ถ้าเจ้าของมีความสามารถสอนเขา เขาทำได้ถึงที่สุดของความทุกข์

ก็แสดงว่าคนนั้นทำคนให้เป็นพระขึ้นมาแล้ว หลวงพ่อเข้าใจอย่างนี้

หลวงพ่อจึงพูดว่า ‘พูดธรรมะ-หลวงพ่อไม่เหนื่อย’

เมื่อหลวงพ่อเหนื่อย ถ้าได้พูดธรรมะแล้ว-หลวงพ่อหายเหนื่อยทันที

เพราะหลวงพ่อต้องการให้คนพ้นทุกข์เท่านั้นเอง

*ความทุกข์นี้ล่ะ…มันเป็นสิ่งที่แสบ-เผ็ดร้อน-ทารุณ ทุกสิ่ง-ทุกอย่าง

เมื่อหมดทุกข์แล้ว ก็แสดงว่าเจ้าของได้สร้างคนให้เป็นคน

สร้างคนให้ทำหน้าที่ของคน

ไม่ใช่เกิดมาแล้วก็กิน-แล้วก็นอน-เสพกาม-เฒ่าแก่-ตายไป

ไม่ใช่อันนั้น อันนั้นมันเป็นเรื่องของธรรมดาสัตว์-สัตว์มันก็ทำได้

หลวงพ่อพูดความจริง-เคยเห็นไหม ? สัตว์มันกินเป็น-นอนเป็น-สืบพันธุ์เป็น

คนเป็นเพียงแค่นั้น-ก็ไม่ใช่คนแล้ว* หลวงพ่อเข้าใจอย่างนั้น

เมื่อหลวงพ่อรู้อันนี้ขึ้นมา โอ-เราต้องทำหน้าที่อันนี้

ให้เป็นประโยชน์แก่คนทุกเพศ-ทุกวัย ทุกชาติ-ทุกภาษา…”

หลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ

————————————————————————————————

※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※

※ อย่าหลงตน-อย่าลืมตัว ※

※ ※

※ อย่าหลงกาย-อย่าลืมใจ ※

※ ※

※ อย่าหลงชีวิต ※

※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※

รู้สึกตัว…รู้สึกกาย รู้สึกใจ

_/|\_ _/|\_ _/|\_

ไม่มีคำอธิบายรูปภาพ


Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *