“…*เมื่อเรามาเจริญสติ-เจริญปัญญา
ก็จะรู้สมมติบัญญัติ ปรมัตถบัญญัติ
อรรถบัญญัติ และอริยบัญญัติ
แล้วมีญาณปัญญาเกิดขึ้น*
ปัญญานี้ไม่ใช่ปัญญาหาเงิน-หาทอง
นั่นมันอีกเรื่องหนึ่ง
*เมื่อญาณเกิดขึ้นแล้ว มันก็จะไหลไปหรือก้าวขึ้นไป
ญาณมันจะไหลไป-ไหลไป ก้าวขึ้นไป-ก้าวขึ้นไป
ตามลำดับชั้นของมัน*
เหมือนกับน้ำในห้วยเล็ก-ห้วยน้อย ที่ไหลลงสู่แม่น้ำโขง
แล้วก็จะไหลออกไปสู่ทะเล
ขั้นของอริยบัญญัติ คือ
โสดาบัน-สกิทาคามี-อนาคามี และอรหันต์ ตามลำดับ
ซึ่งสิ่งนี้ก็ถูกสมมติเรียกขึ้นมา แต่ก็ไม่ใช่ของสมมติ
เราเพียงสมมติเรียก
แต่เป็นสิ่งที่มีอยู่จริง เป็นอยู่จริงในคน ๆ นั้น
คำว่า‘นิพพาน’
ก็ถูกสมมติขึ้นมาเรียกสภาพที่เป็นจริง
และมีอยู่แล้วในคนทุกคน
ฉะนั้น *นิพพานจึงเป็นสมบัติของมนุษย์*
คนธรรมดาอาจจะรู้ก็ได้-ไม่รู้ก็ได้
เราจะเอาอะไรมาวัดความเป็นมนุษย์
ไม่ใช่บวชนาน ๆ หรือเรียนสูง ๆ
นั่นไม่ใช่เครื่องวัดความเป็นมนุษย์
นั่นเป็นเพียงเครื่องมือทำมาหากินของคนฉลาดในโลก
โลกนี้ก็ถูกสมมติขึ้นมาอีกเหมือนกัน
*สำหรับคนที่รู้แล้ว เขาก็อยู่ในโลกสมมติอันนี้ได้
แต่เขาไม่ติดสมมติใด ๆ ในโลกนี้ทั้งหมดเลย
ดุจดอกบัว แม้เกิดในโคลนตม
แต่เมื่อพ้นน้ำขึ้นมาแล้ว ไม่มีกลิ่นโคลนตมอยู่อีก*
อย่างผู้ใหญ่บ้าน-กำนัน
ก็คนธรรมดานี่เอง แต่เราสมมติขึ้นมา
ครูโรงเรียน ตำรวจ-ทหาร…ก็สมมติขึ้นมา
อย่างโลหะ
เราก็เอามาสมมติเป็นเหรียญ ๑ บาท เหรียญ ๕ บาท
หรือ ธนบัตรใบละ ๑๐ บาท ใบละ ๒๐ บาท
ใบละ ๑๐ บาท ใบละ ๕๐๐ บาท
ก็คือกระดาษนี่เอง
หรือทองคำ มันก็เป็นโลหะชนิดหนึ่ง
เรามาสมมติให้มันมีค่าเท่านั้น-เท่านี้
แต่มันก็เป็นของจริง จริงโดยสมมติ
*ให้เรารู้จักสมมติจริง ๆ และอยู่กับสมมติได้
ถ้าเราไม่รู้จักสมมติจริง ๆ แล้ว เราจะไปติดมัน*
ผี-เทวดา นรก-สวรรค์ นิพพาน
นี่ก็เป็นเรื่องสมมติทั้งสิ้น
แต่ก็เป็นจริงโดยสมมติ…”
หลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ
————————————————————————————————
※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※
※ อย่าหลงตน-อย่าลืมตัว ※
※ ※
※ อย่าหลงกาย-อย่าลืมใจ ※
※ ※
※ อย่าหลงชีวิต ※
※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※
รู้สึกตัว…รู้สึกกาย รู้สึกใจ
_/|\_ _/|\_ _/|\_

ใส่ความเห็น