“…อันพระพุทธเจ้านั้น ‘ถึงที่สุดแล้ว-ญาณย่อมมี’-ว่าซั่น
ถึงบ่อนเฮาฮู้จัก-ก็บ่ถึงตัวความคิดเฮานี่แล้ว มันขาดช่วงออกจากกันแท้ ๆ นี่นะ
บ่เฉพาะแต่ความคิดเด๊ ทุกประเภท-มันขาดออกจากกันแท้ ๆ
พระพุทธเจ้าท่านสอนจังซั่น ‘เมื่อถึงที่สุดแล้ว-ญาณย่อมมี’
เพิ่นว่าจังซั่นเด๊ พระพุทธเจ้าว่า
ญาพ่อยังว่าอุปมาให้ฟัง เอาเชือกไนล่อนผูกใส่ต้นนี้ส้นหนึ่ง
ผูกใส่ต้น(นั้น)เสาหนึ่ง ตัดตรงกลางแล้ว-มันดึงบ่ถึงกัน
*ความขาดออกจากกันนี่แหละ เพิ่นว่า‘เห็นแจ้ง-รู้จริง’
‘มันบ่แม่นถูกปรุงแต่ง’* เพิ่นว่าจังซั่น
แม่นสามี-ภรรยาก็เช่นเดียวกัน ลูก-หลานบ้าน
ให้ว่าทุกคนแหละ-ให้ว่าเถอะไป๊ มันสิเป็นจังซั่น
*ถ้าหากเราบ่เป็นในขณะนี้นี่แหละ จวนจะตายนี่แหละ-ต้องแน่นอนที่สุด*
เพิ่นว่าแล้ว-พระพุทธเจ้าว่าแล้ว
หรือว่าพ่อ-แม่ ปู่-ย่า ตา-ยายว่า ก็บ่ฮู้จักล่ะ
เพิ่นว่า*‘คนใดมีกิเลส-ตายแล้วต้องเกิด’ ว่าซั่น
เพิ่นว่า‘คนบ่มีกิเลส-ตายแล้วบ่เกิด’
‘เพราะมันถึงกันนั่นแหละ…มันจะโกรธ มันจะฮัก-จะชัง’ เพิ่นว่าจังซั่น
‘ถ้าตัดให้ขาดลงไปแล้ว-เห็นไปแล้ว มันก็แล้ว-มันเท่านั้นล่ะ’* เพิ่นว่าจังซั่น
จึงว่า‘มันกว้าง-มันลึกเด๊’ เพราะว่าทุกคนมันจะประสบเอา(อัน)นี่นะ
จวนจะหมดลมหายใจนี่นะ-บ่ยกเว้นแท้ ๆ ญาพ่อเข้าใจจังซั่น
ดังนั้น ธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าสอนคนเป็น ๆ นี่แหละ
บ่แม่นสอนคนตายแล้วดอก อย่างที่เอาไปสวดคนตาย
เอาพระไปสวดอภิธรรม ๗ นั่นก็ได้ เฮาไปสวดคนเป็นนี่เด๊
บ่ได้ไปสวดคนตายพู้นเด๊ คนตายแล้ว-ฟังไม่เป็นแล้ว
เพิ่นว่า‘กุปปะธัมโม อะกุปปะธัมโม, ปะริหานะธัมโม อะปะริหานะธัมโม,
เจตะนาภัพโพ อนุรักขะนาภัพโพ, ปุถุชชะโน โคตระภู ภะยูปะระโต’
เพิ่นว่าเป็นจังซั่นเด๊-อภิธรรม ๗ ‘เหตุปัจจะโย อารัมมะณะปัจจะโย’ไปพู้นเด๊
แล้วเฮาบ่เข้าใจคำเว้าจังซั่น ญาพ่อบ่เข้าใจแล้วแต่ก่อน
ฟังว่า‘ไปสวดให้คนตาย’ ความจริงเพิ่นบอกเฮานี่นะ
เฮ็ดวิปัสสนานี่นะ เพิ่นบอก‘กุปปะธัมโม’-ว่าซั่น
กุปปะธัมโม-มันจะเซื่องซึม เฮ็ดแล้วมันจะไปต่ออันนั้น-มันจะไปต่อให้ถึงกันอีก
เพิ่นว่า‘ฌานเสื่อม’ เพิ่นเอิ้นว่า‘กุปปะธัมโม’-ว่าซั่น
‘อะกุปปะธัมโม’ว่าซั่น-บ่เสื่อมเลย เพิ่นว่านิ-เพิ่นว่าซื่อ ๆ นี่นะ
ไปเบิ่งตัวหนังสือ-เพิ่นแปลไว้จังซั่นนะ แต่เราไม่เข้าใจเด๊
ว่าไปสวดคนตาย-ให้บุญคนตาย บ่แม่นเด๊-เพิ่นมาว่าให้คนเป็น ๆ นี่ฟังเด๊
จึงให้พวกเฮาเจริญวิปัสสนา
ญาพ่อนำเรื่องมาว่าให้ฟัง-‘กุปปะธัมโม’นั้น เพิ่นว่าฌานเสื่อม
‘อะกุปปะธัมโม’นั้น เพิ่นว่า‘บ่เสื่อม’
‘ปะริหานะธัมโม อะปาริหานะธัมโม เจตะนาภัพโพ อะนุรักขะนาภัพโภ’
เพิ่นว่า‘น้อยอยู่-มันยังอยู่’ เฮาเฮ็ดวิปัสสนานี้ เพิ่นว่า‘ปุถุชชะโน’-มันเป็นปุถุชนโคตรภูไป
*ไปให้มันห่างซะ-ให้มันหวิด(พ้น)ซะในวัฏฏะทุกข์อันนี้
‘ถ้าผู้ใดไปหวิดวัฏฏะทุกข์อันนี้แล้ว-อยู่เหนือทุกข์’ เพิ่นว่าจังซั่น
เป็นคน-หากอยู่เหนือคน อยู่กับโลก-แต่หากอยู่เหนือโลก*
‘กินก้าง-กินดูก บ่คาคอ’เพิ่นว่าจังซั่น จึงเลยบ่ย่าน
บ่ย่านกระดูกคน-บ่ย่านกระดูกผี ให้ว่าบ่ย่านกระดูกวัว-กระดูกควายทั้งหมด
ญาพ่อว่า ‘มันคือกัน-มันเป็นคือกัน’
จึงว่า ‘เฮาบ่ฮู้จักซื่อ ๆ นี้เด๊’
กระตุดมนต์ เครื่องราง-ของขลังปลุกเสก…โอ๊ย-ฮูู้ไปจังซั่น
ยังว่า‘เห็นแจ้ง-รู้จริงตามความเป็นจริงที่พระพุทธเจ้าสอนเอาไว้’
ว่าซั่น!!…”
หลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ
————————————————————————————————
※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※
※ อย่าหลงตน-อย่าลืมตัว ※
※ ※
※ อย่าหลงกาย-อย่าลืมใจ ※
※ ※
※ อย่าหลงชีวิต ※
※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※
รู้สึกตัว…รู้สึกกาย รู้สึกใจ
_/|\_ _/|\_ _/|\_

ใส่ความเห็น