“…*ฟังธรรมะ ต้องฟังเพื่อให้เกิดปัญญา
และพิจารณาให้รู้แจ้ง-เห็นจริงตามความเป็นจริง*
ที่เพิ่นว่า-เพิ่นสอนนั้น คนเรา
วันนี้ต้องพูดเรื่องความกลัว เพราะ*พวกเรามันเป็นคนมักกลัว*
ไม่ว่าแต่คนนั้น-คนนี้ หลวงพ่อเองก็เป็นคนกลัว-แต่ก่อน
ต้องหาเรียนมนต์ เรียนคาถาขลัง ๆ ให้ศักดิ์สิทธิ์
เข้าใจอย่างนั้น แสดงว่าเราไม่รู้ของจริง
*ถ้าหากคนใดรู้ของจริงแล้ว จะไม่มีขลัง-ศักดิ์สิทธิ์อะไรทั้งหมดเลย
แต่คนใดแสดงว่ารู้จริงธรรมะ แต่ยังถือเครื่องรางของขลังอยู่นั้น-ยัง(รู้)ไม่จริง
รู้จำมา ยังไม่รู้แจ้ง-รู้จริง
ถ้ารู้แจ้ง-รู้จริงแล้ว บ่มีขลังศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดเลย
เพราะไม่กลัวหยังทั้งหมดแล้ว*
คำว่าไม่กลัวหยังนี่-ก็เข้าใจบ่ ? ไม่กลัวอะไรทั้งหมด-ว่าอย่างนี้
บอกให้หลวงพ่อรู้จัก
ถ้าหากว่าบ่เข้าใจ-ก็บอกว่าบ่เข้าใจ ถ้าเข้าใจ-ก็บอกว่าเข้าใจ
เพราะว่าหลวงพ่อเป็นคนเมืองเลย
ถ้าพูดธรรมะจริง ๆ แล้ว หลวงพ่อต้องพูดภาษาบ้านหลวงพ่อ
ถ้าพูดเป็นภาษากลาง ดัดเสียง-ดัดนิสัยนั้น
มันหลง หรือบางทีก็คิดบ่ออกที่จะเว้าเลย
ดังนั้นถ้ารู้จริงแล้ว ไม่ต้องกลัว
เกิดมาแล้ว-ต้องตายทุกคน ตาย-บ่มียกเว้น
ผู้หญิงเกิดมาผู้หนึ่ง-ก็ตายผู้หนึ่ง เกิดมา ๒-ก็ตาย ๒ คน
ไม่เฉพาะแต่คนไทยนะ-คนอินเดียก็ตาย เป็นที่พระพุทธเจ้าเกิด-ตรัสรู้
แม้ที่สุดพระพุทธเจ้านั้น-ก็ตายเป็นคือกัน จึงว่าบ่ต้องกลัวสิ่งเหล่านั้นแล้ว
ถ้าหากคนฟังแล้ว-ก็ต้องพิจารณา เอาไปใช้ตามที่เพิ่นว่านั้น
ไม่มีสิ่งใดที่จะศักดิ์สิทธิ์ขลังได้-บ่มี เพิ่นว่าจังซั่น-พระพุทธเจ้าว่า
ดังนั้นจึงว่า*พวกเรามาเจริญวิปัสสนา-ต้องเจริญให้เกิดปัญญา บ่ต้องกลัว*
*คนนี้-ญาพ่อเคยเห็น กลัวตาย-แต่บ่กลัวเกิด*
เห็นกระดูกคนตายก็กลัว กระดูกผี-ขเจ้าเรียกเอิ้นกระดูกผี
บัดดูกวัว-ดูกควาย-ดูปลา บ่กลัว-นี่เป็นจังซั่น
แล้วบัดนี้ครั้นถ้าตาย ก็อาลัยอาวรณ์-คิดถึง
ถ้าหากแม่นพ่อ-แม่นแม่ แม่นลูก-แม่นหลาน
หรือแม่นลูก-แม่นผัว แม่นสามี-ภรรยาก็ได้นะ…ว่าจังซี่ก็ได้แล้ว
ตายแล้ว-คิดถึงกัน มันเข้าใจผิด
มันเป็นธรรมดาแล้ว พ่อเขาก็ตายคือกัน-พ่อคนอื่นนั้นก็ตาย
แม่คนอื่นก็ตาย-ลูกคนอื่นก็ตาย แม้สามี-ภรรยาคนอื่นก็ตาย
แล้วก็คิดถึงเราบัดนี่ พ่อเราก็ตายเป็น-แม่เราก็ตายเป็น
ลูกเราก็ตายเป็น-ผัวเราก็ตายเป็น แม้ที่สุดตัวเองก็ตายเป็น
เมื่อคิดอย่างนี้แล้ว-ก็เลิกความก็โลด ญาพ่อเข้าใจจังซี่
ญาพ่อจึงบ่กลัวผี-บ่กลัวเทวดา บ่กลัวหยัง
แม้กระดูกคนตาย ญาพ่อก็บ่กลัว
บัดดูกวัว-ดูกควายบัดนี่ ดูกหมู-ดูกไก่…เรามาต้มแล้วกิน
บัดดูกคน-เห็นแล้วก็กลัวโลดบัดเดียว แน่ะ!
มันเข้าใจจังซั่น มันก็เป็นดูกคือกันทุกดูกทีเดียว
ดูกควาย-ดูกคน-ดูกปลา หยังก็เป็นดูกเหมิด-ให้ชื่อว่าของแข็ง
หรือมันดูกเฮานี้ ถ้าบ่มีดูก-ก็บ่มีส่วนแข็ง
สัตว์ทุกประเภทมีดูกทั้งนั้น จึงว่าบ่กลัว-ญาพ่อ
แล้วคนส่วนมากกลัว
อันนั้น-ถ้าหากความกลัวอยู่จังซั่น ก็ถือว่ายังบ่รู้ของจริง
เพราะรู้จำมาซื่อ ๆ อันรู้จำนั้น-ท่านว่ามันจำมาจากตำรับตำรา
อย่าเชื่อถือโดยเขาพูดตามกันมา อย่าเชื่อถือโดยเขาลือกันมา
อย่าเชื่อถือด้วยว่ามันมีอยู่ในตำรา อย่าเชื่อถือครูบาอาจารย์ว่า
หลายข้อ ๑๐ ข้อกาลามสูตร-อย่าเชื่อ
ครูบาอาจารย์ว่าหลายข้อนะ หนังสือกาลามสูตรเพิ่นบอกไว้
ดังนั้น*พวกเรามาเจริญวิปัสสนาก็ตาม มาเจริญสติก็ตาม
มาทำความรู้สึกตัวก็ตาม มันเป็นคำพูด
ฟังแล้วต้องใช้สติปัญญา พิจารณาให้เห็นแจ้ง-รู้จริงตามความเป็นจริงนั้น
เฮาก็เลิกละได้-สิ่งเหล่านั้น
เพราะว่าการกลัวนั้นน่ะ-มันทำให้เราทุกข์ ความทุกข์เกิดขึ้นเพราะเรากลัว*
กลัวหลายอย่างนะ กลัวความทุกข์-กลัวตกนรก…กลัวไปจังซั่นแล้ว
แล้วเราบ่เคยเห็นจักเทื่อ แล้วทุกคนเกิดมาต้องเป็นจังซั่น
ตัวหลวงพ่อเองอันนี้-ว่านี่ หลวงพ่อเคยกลัวจังซั่น
แต่คนอื่นนั้น คิดว่าคงจะคือกัน
จึงว่าธรรมะแท้คือสิ่งเดียวกัน-คือกันเหมิด เป็นจังซั่น
ทุกชาติ-ทุกภาษา ทุกเพศ-ทุกวัย…ญาพ่อเห็นมาแล้ว-เรื่องหมู่นี้
ดังนั้น*การศึกษาหลักพระพุทธศาสนานั้น สอนให้รู้จริง
ให้เห็นจริง-รู้จริงตามความเป็นจริง
มันเป็นจริงจังซั่น จึงบ่ควรกลัว*…”
หลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ
————————————————————————————————
※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※
※ อย่าหลงตน-อย่าลืมตัว ※
※ ※
※ อย่าหลงกาย-อย่าลืมใจ ※
※ ※
※ อย่าหลงชีวิต ※
※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※
รู้สึกตัว…รู้สึกกาย รู้สึกใจ
_/|\_ _/|\_ _/|\_

ใส่ความเห็น