“บัดนี้คนกลัวทุกข์
บัดนี้ก็ต้องไปเข้าโรงเรียน เรียนหนังสือมาก ๆ
สอบไล่ได้ปริญญาตรี-ปริญญาโท-ปริญญาเอก เพื่อกันทุกข์
กลัวทุกข์นั่นแหละ
แล้วบัดนี้*ทุกข์เกิดขึ้น เลยบ่รู้จัก-บ่รู้สึกตัวเลย*
บัดนี้คนหาเงินเดือนก็คือกัน เงินเดือนร้อย-พัน-หมื่นก็ตามช่าง
เพื่อกันทุกข์-กลัวทุกข์นั่นเอง จึงว่าเราบ่รู้จัก
ให้เข้าใจว่า เราเรียนหนังสือเรียน-เพื่อหน้าที่ของเราเรียน
เข้าใจจังซี่ บ่คิดว่าสิเฮ็ดหยัง-เรียนเพื่อว่าหน้าที่
เพราะทุกคนเกิดมาต้องเรียน
บัดนี้การหาเงิน-หาทองก็เช่นเดียวกัน หาเพื่อหน้าที่
เพราะคนมันต้องมีการหา การทำมาหากินเลี้ยงชีพ
เพิ่นว่า ทุกคนต้องรู้อย่างนี้
ดังนั้น *พระพุทธเจ้าจึงสอนให้คนกลัวสิ่งที่อยู่ในตัวเฮานี้
ครั้นถ้ากลัว-บ่ต้องกลัวข้างนอก กลัวความคิดนี่เอง*
ความคิดนี้ น้ำหนักยี่สิบ-สามสิบกิโล หรือห้าสิบ-หกสิบกิโลก็ตาม
น้ำหนักของคน-มันเอาไปได้ มันยกไปได้สบาย-ยกตัวเฮานี่ไปได้สบาย
*ผู้ใดหากบ่เห็นความคิดตัวเอง ความคิดตัวเองก็หลอก
หลอกเฮาให้กลัว หลอกเฮาให้ทำอย่างนั้น-หลอกเฮาให้ทำอย่างนี้
มันหลอกเฮา จึงว่าถ้ากลัว-ให้กลัวภายในเฮานี่โลด
เอาชนะภายในเฮานี้ เมื่อเฮาเอาชนะความคิดที่ปรุงแต่งภายในนี่แล้ว
ความกลัวก็หมด ความสงสัยลังเลใจ-กังวลก็หมด
และความเศร้าหมองซึมเซา-หดหู่ ก็หมดเหมือนกัน
ถ้าเราเห็นความคิดเราจริง ๆ แล้ว*
*ดังนั้นมาเจริญวิปัสสนา เจริญกรรมฐานก็ตาม
มาทำความเคลื่อนไหวนี่-เพื่อให้รู้สึกตัว รู้แจ้ง-รู้จริง
ฝึกหัดให้มีสติว่องไว ให้มีจิตผ่องใส
เพิ่นว่าจิตใจเฮานี่แหละผ่องใส นึกคิดอันใด…ก็เห็น-ก็รู้*
การทำการ-ทำงาน พูด-คิด
เมื่อตัดสินใจลงไปแล้ว การงานนั้นก็ไม่ค้างมือได้
ต้องลุล่วงไปได้ หรือแล้วไปได้
คนที่ทำการ-ทำงานค้างมือเอาไว้ งานบ่แล้ว-มันทุกข์
ก็เพราะบ่เห็นจิต-บ่เห็นใจนี่เอง
เมื่อจิตใจเศร้าหมอง-โงกง่วงหดฮู่ ว่าซั่น…บ้านหลวงพ่อว่าหดฮู่-ว่าซั่น
ทางนี้ขเจ้าสอนว่า-อย่าสู่ว่าหดฮู่เนาะหลวงพ่อ หดหู่ว่าซั่น-ขเจ้ามาบอกให้
ญาพ่อก็จำได้-อันนี้เป็นความจำซื่อ ๆ
*ดังนั้นคนเราต้องมีสัญญาเกิดมาจากธรรมชาติมันจริง ๆ
เมื่อเรามีสัญญาเกิดมาจากธรรมชาติจริง ๆ แล้ว
สิ่งนั้นแหละ เราจะรู้แจ้ง-เห็นจริงตามความเป็นจริง
ท่านว่าการพูดธรรมะมื้อนี้ คล้าย ๆ คือหงายของที่คว่ำหน้าอยู่นี้
ของที่บิดเกลียว-มันอัดแน่นอยู่ คล้าย ๆ คือเฮามายออกจังซี่ล่ะ*
บ้านหลวงพ่อเคยถือผี-ถือมเหศักดิ์หลักคุณ ว่าซั่น
ขเจ้าว่านั่นแหละผีบ้านผีเมือง-ผีปู่ ผีหลาย
บ้านหลวงพ่อ…ขเจ้าฆ่าควายให้กิน-ฆ่าเลี้ยงผี ฆ่าหมู-ฆ่าควายให้กิน
ครั้นถ้ามันเป็นโรคอหิวา-เพิ่นว่าเอิ้นผีห่า ไปล้อมรั้วแล้วผีไปกันให้-เป็นจังซั่น
ผีกัน-ผีห่า บ่ให้เข้ามา…ก็เฮ็ดนำเพิ่น-ญาพ่อ
เฮือนมนต์รักษากันผี ก็เฮ็ดนำเพิ่น-ก็ได้เรียนนำเพิ่น
อันนั้นแสดงว่าเจ้าของบ่ฮู้จัก เฮ้ดนำเพิ่นซื่อ ๆ
ผีมันดีจังใด๋-เฮาฮู้จักโลด ฟังหลวงพ่อว่านี้-พิจารณาให้เห็นแจ้งรู้จริง
ผีบ้านผีเมือง-ผีมเหศักดิ์หลักคุณ ผีหยังก็ช่างเถอะ
เฮาปลูกตูบ-ปลูกศาลพระภูมิให้อยู่ บ้านหลวงพ่อบ่ได้ใช้อิฐหินดินปูนจั่งซี
ใช้ไม้ฝังให้เป็นเสา ก็เอาหญ้ามามุงแล้วก็เอาไปแอ้ม
ปลวกขึ้นไปกัด-ไปกิน มันก็บ่ไล่ได้-ผี
หญ้าก็กัดหมด ฝนตกก็รั่ว-ก็บ่หยดบ่หยาอีหยัง
ในบริเวณบ้านก็รก หญ้าก็ป่งขึ้นมา
ใบไม้ขูลงฮั้น ก็บ่ปัด-บ่กวาด…เป็นหยัง ?
นี่แสดงว่าผีบ่มีประโยชน์หยังเท่าใด เฮาย่านเอาซื่อ ๆ นี่
*ผีที่อยู่ภายในจิตใจเฮานั้นโลด บ่ฮู้จัก*
ฉะนั้น*คนจิตใจต่ำ ก็เอิ้นเรียกว่าผี*-เพิ่นว่า
*จิตใจสูง เพิ่นเอิ้นเรียกว่าเทวดา*-เพิ่นว่า
ดังนั้นจิตใจต่ำ เป็นผี
ถ้าหากผู้ใดยังจิตใจต่ำอยู่-ก็แสดงว่าตัวเองยังเป็นผีอยู่ เพิ่นว่าจังซั่น
ถ้าหากจิตใจสูงเมื่อใดแล้ว ตัวเองก็เป็นเทวดา
แล้วละอายการเฮ็ด-การทำสิ่งนั้น เพิ่นว่าจังซั่น…”
หลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ
————————————————————————————————
※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※
※ อย่าหลงตน-อย่าลืมตัว ※
※ ※
※ อย่าหลงกาย-อย่าลืมใจ ※
※ ※
※ อย่าหลงชีวิต ※
※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※
รู้สึกตัว…รู้สึกกาย รู้สึกใจ
_/|\_ _/|\_ _/|\_

ใส่ความเห็น