รู้สึกกาย รู้สึกใจ 13 มกราคม 2021

“…หลวงพ่อชอบพูดเรื่องของตัวเอง ไม่ชอบพูดเรื่องของผู้อื่น

เพราะเรื่องของคนอื่นนั้น หลวงพ่อไม่รู้

รู้เฉพาะเรื่องของตัวเอง

ท่านจึงว่า ‘สันทิฏฐิโก-อันผู้รู้จะพึงเห็นเอง

อะกาลิโก-ไม่ประกอบด้วยกาลเวลา’

*จะรู้เอง-เห็นเอง กล้าทำถูก-พูดถูก-คิดถูก*

พระพุทธเจ้าได้ตรัสว่า

‘เมื่อก่อนพระองค์ยังไม่รู้ ไม่เข้าใจที่สุดแห่งทุกข์

แต่เมื่อท่านรู้วิธีบำบัดทุกข์ได้แล้ว ท่านก็นำมาสอนพวกเรา’

ถ้าเราปฏิบัติอย่างท่าน-เห็นอย่างท่าน-เข้าใจอย่างท่าน

จะเป็นอย่างอื่นไม่ได้

*ขณะนี้เราปฏิบัติเหมือนอย่างพระพุทธเจ้าแล้วหรือยัง ?*

หลวงพ่อเข้าใจว่า

เราจะปฏิบัติคล้าย ๆ เท่านั้นเอง

แต่อาจจะไม่เหมือน หรือไม่ใกล้เคียงเลยก็ได้

พูดอย่างนี้ คนฟังไม่เป็น-จะตกใจมาก

หรืออาจจะกล่าวหาว่า ‘หลวงพ่อเป็นมิจฉาทิฏฐิ-ก็เป็นได้’

จะว่าหลวงพ่อเป็นอะไร-ได้หมด

เพราะหลวงพ่อเชื่อพระพุทธเจ้าอย่างนี้

แม้การให้ทาน-รักษาศีล

ทำกรรมฐาน-เจริญวิปัสสนาอะไรก็ตาม

จุดหมายปลายทางที่สำคัญนั้น

**พระพุทธเจ้าสอนให้ดับทุกข์ของเรา**

ครั้งหนึ่งหลวงพ่อเคยไปเทศน์ที่จังหวัดบุรีรัมย์

คนไปทอดกฐินอย่างน้อยที่สุด สี่-ห้าร้อยคน

(หลวงพ่อ)ถามเขาว่า ‘เขามาที่นี่-ต้องการอะไร ?

(ต้องการ)บุญใช่ไหม?’

ก็ตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า ‘ต้องการบุญ’

(ถามเขาว่า) ‘ต้องการสวรรค์ใช่ไหม ?’

ก็ตอบเหมือนกันว่า ‘ต้องการสวรรค์’

(ถามเขาว่า) ‘ต้องการนิพพานใช่ไหม ?’

ก็ตอบเหมือนกันว่า ‘ต้องการนิพพาน’

หลวงพ่อจึงถามต่อไปว่า ‘มีใครต้องการตายเดี๋ยวนี้บ้าง ?’

คำตอบก็คือ ‘ไม่มีใครต้องการตายสักคน’

นี่แสดงว่าเราไม่ได้ใช้สติปัญญาพิจารณาให้เห็นจริง

คนเกิดมาแล้วไม่ตายมีกี่คน กี่ชาติ-กี่ภาษา ?

แม้พระพุทธเจ้าเอง-พระอรหันต์เอง ก็ต้องตายเช่นเดียวกัน

ดังนั้นการที่เราเข้าใจผิด จึงเป็นการกินกระดูก-ไม่ได้กินเนื้อ

สิ่งที่เราแอบ ๆ แฝง ๆ ไป ได้ความสงบเล็กน้อยนั้น

มันเป็นแค่ไปกินเอ็น มันไม่มีรส

ดังนั้น ‘ตัวเรามาปฏิบัติธรรม เพื่อมากินอาหารที่เป็นเนื้อ’

หลวงพ่อไปผ่าตัดมา

คุณชาร์ลส์มาเล่าให้ฟังอยู่ทุกวันว่า

‘ถ้าจะกินแต่อาหารไม่มีโปรตีน หลวงพ่อก็จะซูบผอมไป’

(หลวงพ่อ)ก็เลยได้รู้จัก แล้วเอามาเปรียบเทียบให้ฟังอย่างนี้

ความเกลียด-ความชังกัน

(คนเรา)ยังมีเป็นบางครั้ง-บางคราว

คนจะรักกันขนาดใดก็ตาม

จะมีเงินมีทอง เป็นเพื่อนเป็นฝูงกัน

จะเกิดพร้อมกันก็ตาม

ไปไหน-มาไหน คิดถึงกันที่สุดก็ตาม

ถ้าขาดจากคุณธรรมแล้ว

ไม่วันใดก็วันหนึ่ง ต้องอิจฉาริษยากัน

เบียดเบียนกันขึ้นมา แน่นอนที่สุด

ด้วยเหตุนี้จึงว่า ‘ความรักกัน-อาลัยอาวรณ์กัน

แต่ไม่มีคุณธรรม จะไม่มีความมั่นคงถาวร’

หลวงพ่อมาเข้าใจเรื่องนี้เมื่ออายุ ๔๖ ปี

และซาบซึ้งตรึงใจมาจนถึงบัดนี้

ได้พูดที่ไหน หลวงพ่อก็พูดแต่เรื่องนี้

เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด

*พระพุทธเจ้าท่านกลัวเกิด

ท่านไม่อยากมาเกิด เพราะท่านกลัวตาย

คนเราเมื่อไม่ต้องเกิด ก็ไม่ต้องตาย

แต่คนเราทุกวันนี้มีแต่อยากมาเกิด แต่ไม่อยากมาตาย

อย่างนี้จะถือว่าเราเป็นชาวพุทธได้อย่างไร ?

เราเป็นญาติพระพุทธเจ้าแล้วหรือ ?

เราเป็นสาวกของพระพุทธเจ้าแล้วหรือ ?*

อันนี้เราน่าเอาไปพิจารณาดู

*การที่พวกเรามาเจริญสติ-เจริญสมาธิ-เจริญปัญญา

หรือเจริญวิปัสสนา ก็เพื่อให้รู้แจ้ง-รู้จริง

รู้แล้วต่างเก่า-ล่วงภาวะเดิม*

ต่างอย่างไร ?

ทุกวันนี้เราล่วงจากภาวะอะไรแล้ว เรารู้จักไหม ?

ถ้าเรายังไม่รู้

นั่นชื่อว่าเรายังไม่ได้บูชาพระพุทธเจ้า

ชื่อว่าเรายังไม่ได้ทานธรรม

*ถ้าหากเรารู้จริงแล้ว ต้องรับรองคำพูดของเราได้*

หากหลวงพ่อพูดผิดไปจากคนอื่น

เราก็ต้องยอมรับว่าพูดผิด(จากคนอื่น)จริง ๆ

พระพุทธเจ้านั้นไม่ได้สอนให้คนเกิด

สอนให้คนไม่มาเกิด

ถ้าพูดง่าย ๆ อย่างที่หลวงพ่อเคยพูด(ก็ว่า)

‘พระพุทธเจ้าฆ่าคนให้ตายทั้งโลก’

(พูดอย่างนี้)เขาหาว่า ‘พูดผิดแล้ว

พระพุทธเจ้าเป็นผู้มีเมตตาสูงสุด’

ก็ถูกเฉพาะผู้นั้น

แต่หลวงพ่ออายุได้ ๔๖ ปี หลวงพ่อรู้จักเรื่องนี้-รู้จักจริง ๆ

พระพุทธเจ้าสอนวิธีฆ่าคนโดยปัญญา

จะว่า‘ฆ่าคนก็ได้’ จะว่า‘ฆ่ากิเลสก็ได้’

หรือจะว่าฆ่าอะไรก็ได้ที่ไม่มีตัวตน

*ถ้ามีตัวตนแล้ว มันสับสนวุ่นวาย

จึงให้มีแต่พระล้วน ๆ*…”

หลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ

————————————————————————————————

※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※

※ อย่าหลงตน-อย่าลืมตัว ※

※ ※

※ อย่าหลงกาย-อย่าลืมใจ ※

※ ※

※ อย่าหลงชีวิต ※

※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※

รู้สึกตัว…รู้สึกกาย รู้สึกใจ

_/|\_ _/|\_ _/|\_

ไม่มีคำอธิบายรูปภาพ


Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *