240723-1319-หลวงพ่อดา สมฺมาคโต-วัดสนามใน
สาธุ ก็อย่างที่หลวงพ่อเทียนว่านั่นแหล่ะ กำหนดรู้เฉยๆ ว่างๆ แต่ถ้ามันคิด ก็คิดเรื่องรูปเรื่องนาม ถ้าไม่คิดก็เฉยไปเลย ไม่เป็นไร อาตมาก็ครั้ง นอนอยู่กฏิเล็กๆ นะ เผอิญว่าตอนนั้นเป็นโรคท้องร่วง คนเป็นเยอะเลย ถ่ายตั้งแต่บ่าย 3 ถึงเกือบ 3-4 ทุ่ม พอดีก็นอนไป ก็ยังคิดอยู่ว่า เมื่อกี้หลวงพ่อเทียนก็เดินมาถามว่า “คุณดา คุณจะมานอนหรือมาปฏิบัติ” “มาปฏิบัติสิ หลวงพ่อ” “ถ้ามาปฏิบัติก็ให้ลุกขึ้น ลุกขึ้น” ก็นึกว่าหลวงพ่อเทียนเดินไปบอกเอง มันเป็นการแว่วเสียง เกิดขึ้นในตัวของเราเอง เหมือนกับนิมิต ก็เลยสงสัยว่า หลวงพ่อเทียนมาปลุกเราจริงๆ หรือเปล่า ก็เลยเดินไปดู กุฏิหลัง 2 นี่แหล่ะ กุฏิ 2 ชั้น ท่านนอนอยู่ข้างล่างนะ “หลวงพ่อๆ หลวงพ่อไปปลุกผมหรือเปล่าเมื่อกี้นี้” หลวงพ่อเทียนตอบ “ผมก็นอนอยู่นี่ คุณดา ไม่ได้ไปปลุกนะ” เราก็รีบกลับมา สำรวจตัวเอง เบากาย-ใจ เบาหมดเลยนะ มันไม่มีน้ำหนักเลย ถ่ายมาก ทั้งถ่าย ทั้งอาเจียน เบาเลย โหวงเลย ก็เดินจงกรม เดินไม่รู้เหน็ดรู้เหนื่อย เอ๊ะ แถวนี้ยังไม่มีไฟฟ้านะ ทำไมมันแจ้ง เรามองปั๊บ เอ๊ะทำไมแสงสว่างมาที่เรา มันแจ้งมาหาเรา เดินจงกรม เห็นศีลขันธ์ สมาธิขันธ์ ปัญญาขันธ์ รู้ความจริง โอ้ ขอบคุณพระพุทธเจ้า ขอบคุณหลวงพ่อเทียน มันจบไปเลย คือบางอย่างมันมีต่อไปอยู่ แต่เราไม่ได้สังเกต มันก็เลยหยุด ถ้าเราสังเกตนิดหน่อย มันก็อาจจะต่อไป ก็ไม่เป็นไร มันยังไม่มาถึงตอนนั้น ยังมาไม่ถึง ทุกคนถ้าเริ่มต้นดี มันก็ปฏิบัติไปเรื่อยๆ ปฏิบัติเยอะๆ ถ้าเริ่มต้นไม่ดี มันก็ไม่ดี
อาตมาก็คิดถึงอดีต ที่วัดโมกข์ขอนแก่น นั่งปฏิบัติธรรม หันหน้าเข้าป่านะ ในวัดป่า ทางคนเดินอยู่ข้างหลัง เราก็นั่งสร้างจังหวะ ไม่นานเท่าไร กิ้งก่าคอแดงตัวหนึ่งวิ่งมาจากในป่า มันก็มาหยุดอยู่ตรงนี้ มันก็ดูเรา เราก็ดูมัน “ว่าไงเพื่อน มึงก็เหมือนกู กูก็เหมือนมึง แต่กูไม่มีหางนะ แล้ว ถ้ามึงตายเหรอ กูตายเหรอ ก็พอๆกัน” ไม่มีความรู้สึกเลย ก็เลยหมุนข้อมือหงายมือ ความรู้สึกและความไม่รู้สึกมันอยู่ด้วยกัน เห็นรูปเห็นนาม โอย อยากจะกราบกิ้งก่า มาสอนกู ธรรมชาติมาสอนเราอยู่ตลอดเวลานะ แต่เราไม่รู้ นกพิราบ ตัวกระรอก สอนธรรมะ สมัยหนึ่งไปเที่ยวนะ อยากจะกราบกิ้งก่า วันหนึ่งหลวงพ่อสุรศักดิ์ อายุเกือบ 100 ปีแล้ว อยู่ที่วอชิงตัน วัดไทย แกไม่ชอบหลวงพ่อเทียน เพราะหลวงพ่อเทียนเคยด่า “หนอ” แกไม่ชอบเลย พอดีวันหนึ่งเราก็ไปที่วัดที่อริโซนา ท่านก็ยืนอยู่มุมหนึ่ง 3-4 รูป เขาก็สนทนาธรรม ก็เลยเดินไป เขาเห็นหน้าเรา คิดถึงหลวงพ่อเทียนทันที “เฮ้อ หลวงพ่อเทียนตรัสรู้ธรรมะ สอนลูกสอนเมียได้นะ” เราก็ว่า “ตรัสรู้ธรรมะ สอนใครก็ได้ครับ หลวงพ่อ” เฮ้อ พูดอะไรนี่ เราก็ไปขัดคอผู้ใหญ่ เขาพระมหาเถระ เราพระตัวน้อยๆ เราก็นึกว่าเขาพูดกับเรา เราก็เจตนาดี เสนอตัวแทนหลวงพ่อเทียน สอนใครก็ได้นะ “ธรรมะปฏิบัติยังไงเหมือนกิ้งก่าคามิเลียนด้วย” เราก็คิด กิ้งก่าคามิเลียนอย่างไหนหว่า ก็ไปเปิด Youtube ดู เราก็ถึงบางอ้อ อ๋อ หลวงพ่อท่านไม่ชอบกิ้งก่าคามิเลียน เราปฏิบัติแบบช้าๆ กิ้งก่าคามิเลียนเคลื่อนไหวแบบช้าๆ แต่มันก็ปรับตัวได้เร็วด้วย กิ้งก่าคามิเลียนนี่นะ มันเข้าสีจีวร เป็นสีเหลืองทันทีเลย เข้าสีไหนมันก็เป็นสีนั้นเลย อาตมาเลยสาธุ ขอให้เป็นแบบกิ้งก่าคามิเลียน เข้าไหนเข้าได้หมดเลย ปรับตัวเอง ก็เหมือนที่หลวงพ่อเทียนว่า “คุณดา คุณไปกับเขา 10 คน อีก 9 คนเขาไหว้กองขี้หมา คุณดาจะไหว้ไหม” หลวงพ่อดาตอบ “ไม่ไหว้หรอก หลวงพ่อ” เขาจะไล่ตีคุณดานะ ไล่ฆ่านะ” “ขามีก็วิ่งหนีสิ” หลวงพ่อดาตอบ “หนีไม่รอดแล้ว” หลวงพ่อเทียนว่าเองนะ เราก็เลยถามกลับ “หลวงพ่อ ถ้าหลวงพ่อเป็นผมล่ะ หลวงพ่อจะวิ่งหนีหรือกราบกองขี้หมา” “ก็ต้องกราบสิ คุณดา” หลวงพ่อเทียนตอบ “ผมก็กราบด้วย หลวงพ่อ เอาตัวรอด” “กราบกองขี้หมาแต่เราไหว้ตัวเอง” หลวงพ่อเทียนพูดนะ เพื่อเอาพวกเอาฝูงเหมือนกิ้งก่าคามิเลียน มันก็ได้เพื่อนเยอะเข้าได้กับทุกคน เข้ากับทุกสี เราก็เลยว่าดี หลวงพ่อเทียนอุปมาว่า เราอยู่ในสังคม เราต้องปรับตัวเอง ไม่ใช่ไปขัดคอเขาตลอด ไม่ไหว้กองขี้หมา กูฆ่ามึงนะ เอาปืนยิงนะ ยิงก็ยิงสิ ก็ตายเลย ถ้าไหว้สักหน่อยก็รอดแล้ว เอาตัวรอดไว้ก่อน
หลวงพ่อเทียนมีอยู่ครั้งหนึ่ง อยู่หลักสี่นี่แหล่ะ บ้านนั้นเขาประชุมกันเรื่อง เจ้าพ่อ เจ้าแม่ พิธีกรรมเยอะเลย เจ้าพ่อเจ้าแม่มารวมกัน นิมนต์หลวงพ่อเทียนเทศน์ แกเทศน์โจมตีเรื่องนั้นแหล่ะ เรื่องงมงาย ประธานเขาบอกว่า “หลวงพ่อๆ หยุดก่อนได้ไหม เทศน์เรื่องอื่นได้ไหม อย่าเทศน์เรื่องนี้เลย” หลวงพ่อเทียนบอกว่า “อาตมาบวชก็จะมาเทศน์เรื่องนี้ ถ้าไม่ให้เทศน์ก็ไม่ต้องบวชแล้ว” แกบวชมาก็จะมาสอนเรื่องนี้ ถ้าไม่ให้สอนเรื่องนี้ ก็ไม่ต้องบวช ขนาดนั้นเลยนะ “สุดแล้วแต่หลวงพ่อแล้วกัน” หลวงพ่อก็ปรับเสียงลงมานะ ปรับไปปรับมาก็เข้ากันได้ “หลวงพ่อ พรุ่งนี้จะไปทรงเจ้าที่วังจันทร์ นครปฐม หลวงพ่อไปด้วยไหม” หลวงพ่อก็ไปกับเขาอีก อาตมาก็ไปด้วย ไปแต่เจ้าไม่ลงทรงเจ้าไม่ลงเลย เจ้าภาพบอกว่า “หลวงพ่อๆ ออกไปก่อนนะ ถอยไปก่อน” หลวงพ่อเทียนกับอาตมาก็เลยออกไป เจ้าลงเลย เจ้ามาแล้ว ลักษณะหลวงพ่อเทียน แกปรับตัวอยู่ เพราะฉะนั้นเรื่องการปฏิบัติมันจะปรับตัวของมันเอง เข้าเพื่อนเข้าฝูง เข้าญาติพี่น้อง เข้ากับคนอื่น อาตมาคิดว่า กิ้งก่าคามิเลี่ยน.(chameleon) จริงๆ เราปรับตัวเป็น ก็รอดสิ เอาตัวรอดเป็น
ก็ถูกต้องนะ คนมีทุกข์นะ เข้าหาทางธรรม อาตมาเป็นคนเจ้าทุกข์เหมือนกันนะ เสือยิ้มยาก ยิ้มไม่ค่อยเป็น แต่สู้ตาย ถึงไหนถึงกันจริง ลุยไปก็จะลุย ความเพียรเผากิเลส อย่างที่ท่านว่านั้นแหล่ะ ถ้าความเพียรไม่ดี กิเลสเผาเลย หมดเลยนะ กิเลสเผากลับ ต้องสู้ คิดอย่างนั้นนะ ออกธุดงค์เลย ถ้าเสือมาจะขี่หลังเสือ ช้างมาจะขี่คอมัน มาเลย พวกผีสางเทวดา ในป่า ในเขา มาให้หมด ขนาดนั้นเลย เพื่อนที่ไปด้วยกันก็ท่องแต่คาถา กันผี กันสาง กันช้าง กันเสือ ไปกันมันทำไม ไม่ต้องไปกันมันหรอก บอกมันมาหาให้หมด ตรงกันข้าม จิตใจมันต่างกันกับเพื่อน เพราะฉะนั้นดีแล้วล่ะ การปฏิบัติธรรมนะ เรียนรู้ทุกข์ ที่เราว่านั่นแหล่ะ ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นทุกข์ ผู้ใดเห็นทุกข์ ผู้นั้นเห็นธรรม แล้วก็มากลับกันบ้าง ผู้ใดเห็นสุข ผู้นั้นเห็นธรรม ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นสุข เห็นสุขก็เห็นธรรม นั่นแหล่ะเป็นวิปัสสนา พระพุทธเจ้าตรัสอย่างนั้น
ก็ตัวเองนั่นแหล่ะที่เกี่ยวกับคนอื่น เหมือนกับที่อาตมายกตัวอย่างให้ฟัง เรื่องกิ้งก่ากับตัวเรา กูก็เหมือนมึง มึงก็เหมือนกู มึงตาย กูก็ตาย ตายพอๆ กัน เพราะฉะนั้นมันไม่มีศัตรู มีแต่เพื่อนที่จะสัมผัสเรา มาทำบุญ เอ๊ะ บุญมันอยู่ที่ไหน บุญคืออะไร มันคือความไม่สุขความไม่ทุกข์ ปฏิบัตินะมันน่าจะได้บุญ มันสัมพันธ์กัน ไม่ใช่มึงอย่ามายุ่งกับกูนะ เปิดประตูรถเสียงดังหนวกหูรำคาญ เป็นศัตรูกันทันทีเลย เพราะฉะนั้น มองในแง่ให้ เป็นประโยชน์ มันก็เลยดี หูกูไม่หนวก มันก็ได้ยินสิ หูดีตาดี มันก็ดีนะ ถ้ามันผ่านออก ถ้ามันผ่านตามจังหวะของมันนะ อย่ามายุ่งนะ เข้าวัดแล้วเสียงดัง แต่ก่อนเป็นอย่างนั้นจริงๆ นั่งสมถะ เณรดื้อ จับมาเฆี่ยนหลังเลย เณรมานี่มันดื้อ หลวงพี่นั่งสมาธิ มันสงบ ไปลงโทษเณรเฉยเลย ไม่ดีเลย ถ้ามองแง่ดีนะ เณรก็ส่วนของเณรสิ ไม่ใช่เรื่องของเรา นั่งสมาธิก็นั่งไปสิ มันขี้เกียจเล่นมันก็หยุดเอง มันจะลงตัวอย่างนั้น ถ้าคิดถูกนะ ถ้าคิดไม่ถูกก็เป็นเรื่องแล้ว ไล่สึกเลย มันดื้อ เรื่องความทุกข์เรื่องปัญหา หลวงพ่อองค์หนึ่ง อำเภอกระนวม โบสถ์แกก็ใหญ่นะ แกนั่งพุทโธนะ หายใจก็หายใจเบาๆ นะเณร เณรเป็น 100-200 คน เณรคนหนึ่งจมูกมันตัน เป็นหวัดด้วย หายใจแรง แกก็เดินหาเลย อยู่ส่วนไหน ตบเลย เจ้าคุณนะ ตบหัวหมุนเลย ในที่สุดเณรก็ร้องไห้ ไปบอกแม่ แม่ก็เสียใจ หลวงพ่อ ก็เสียใจเหมือนกัน ขึ้นไปอยู่ในถ้ำ ไม่กล้าสู้หน้าโยมเลย ไปตีเด็ก อายุ 13-14 ปี แกก็สำนึกบาปอยู่ แต่ไม่ดี ถ้าเป็นเราก็ เออ หายใจค่อยๆ ถ้าหายใจแรงก็ออกไปข้างนอกก่อนลูก ให้ไปหายใจอยู่ข้างนอก มันก็จบ นี่ก็ตบเลย ยิ่งร้องไห้ใหญ่เลย แก้ไม่ถูกจุด
สมาธิคือความตั้งใจนะ เจ้าคุณพุทธทาสยกตัวอย่างไว้ เหมือนเรายิงธนูใส่เป้า มีจุดนะ ทั้งตัวสมาธิและตัวปัญญา ปัญญาเหมือนพื้นดิน สมาธิตั้งมั่นนิดเดียวเล็งไปที่เป้า ยิงแล้วจบ จบแล้วเริ่มใหม่ โฟกัสนิดเดียว กดนิดเดียว ไม่ใช่กด เหนี่ยวไกปืน ยิงจนตัวสั่นนะ เราเป็นเด็ก หัดใหม่ๆ กันทุกคน กลัวจะไม่ถูกนะ ยิ่งไม่ถูกเลย พวกเก่งๆนะไปเลย นั่นเป็นสมาธินิดเดียว ขณิกสมาธิเท่านั้นเองที่เราใช้ โยมบางคน “หลวงพ่อ ฉันปวดไหล่ไปหมดแล้ว” ไม่อยากหยุดอยากหย่อน อยากรู้ธรรมะ ไหล่เสีย ยกไม่ขึ้น บวมไปหมดเลย อยากรู้ ทำเต็มที่เลย สมาธิมาก มันเกร็ง เกือบตาย เอาพอดีๆ เบาๆ ว่างๆ ทำเหมือนไม่ทำ
นิวรณ์เป็นสิ่งที่เป็นมาร มันจะมาหลอกเราไม่ให้สำเร็จ อย่างง่วงนอน ก็พักผ่อนก่อน ขี้เกียจ ก็ไปคุยกับเพื่อนก่อน ความง่วง ความเหงา ความฟุ้งซ่านรำคาญ ขี้เกียจ สงสัยลังเล มันมาหมดเลย ดึงแขนดึงขาไว้ แต่ถ้าเราฉลาดนะ ถ้ามันง่วง ไม่เคยนอนหรือยังไง หลายภพหลายชาติ มึงนอนไหม กูจะไม่นอนกับมึงแล้ว กูจะเดิน มารๆ พวกนี้ก็เลยหายไปเลยนะ มันมารูปใหม่ ชวนเพื่อนมาหลอกเรา ถ้าเรารู้ทัน มันก็หลบไปเหมือนกันนะ ต้องให้รู้ทันมัน หลวงพ่อเทียนว่า ต้องชกกับคู่ต่อสู้พวกนี้แหล่ะ อาตมาไม่รู้เป็นไง คิดง่ายๆ นะ สมมติว่าคุณขับรถอยู่ รถบัสคันนี้มีคนโดยสารอยู่ 50 คน เราก็มัวแต่ง่วงอยู่เนี่ย เพื่อนอีก 50 คนตายไม่รู้นะ คุณจะรับผิดชอบยังไง เพราะฉะนั้นมึงอย่าหลับสิ ขับรถดีๆ ตื่นตัว มันก็เลยรอด หลวงพ่อภูศรีเดินชนต้นหนาม แกหลับจริงๆ หลับเดินเข้าป่าไปเลย อันนี้มีจริง เพื่อนไปที่ตลาดกลับมา ตอนนั้นเกือบค่ำแล้ว เราก็คุยกันไปนะ ทำไมเดินเข้าป่า กูหลับ เขาว่างั้นนะ ดูสิ หลับแล้วยังเดินได้ มันเก่งนะ ยอมรับมันเลย เป็นขนาดนั้น ถ้าขับรถก็ตายหมดเลย มีเยอะนะ อุบัติเหตุขับรถนะ มันหลับแล้ว แต่รถยังไปอยู่นะ ทางโค้งมันไม่โค้ง เลยตายเลย ถ้าคิดสู้มัน สู้ได้ เดินปัญญาแล้วมันสู้ได้
ใส่ความเห็น