รู้สึกกาย รู้สึกใจ 6 มีนาคม 2521

“…เขาพูดเอาในตำรา หลวงพ่อก็ได้อ่านตำราเป็นบางบท-บางตอน

เขาว่าอย่างนี้ตามหนังสือว่า ‘พระโสดาบันนี่-ไม่ไปตกนรก

แต่มีครอบครัวตามประเพณีโลก มีความสุขโลกียะ-มีความสุขโลกุตตระ’

โลกียะเรื่องอะไร ? โลกียะก็ต้องมีเงินสิ

มีทรัพย์-เรียกว่าทรัพย์ภายใน ไม่ใช่ทรัพย์อย่างหลวงพ่อว่า

มีเงินสักหมื่นล้าน-พันล้าน เป็นทุกข์

จะเป็นพระโสดาบันได้ยังไง ? พระโสดาบันนี่มีเงินนะ

จึงว่า พระแปลว่าผู้มีทรัพย์ ทรัพย์ภายในนี่แหละ

แล้วเงินได้มา ก็นำไปใช้แต่สิ่งที่มีประโยชน์-มีความสุข

มีลูก มีผัว-มีเมีย…อยู่ด้วยกันด้วยธรรม

เพราะ*พระโสดาบันนี่ เรื่องธรรมะนั้น-มันเรื่องไม่ทุกข์*

เรื่องความสุขนี่คือมีเงิน ไปไหน-มาไหนก็มีรสโลกียสุข

หมายถึง มีทรัพย์ มีรถ มีผัว-มีเมีย

ให้ว่ามีครบแล้วไม่ทุกข์ เขาว่าอย่างนี้

ส่วน*จิตใจนั้น มันร่าเริง-เบิกบาน* คือว่าไม่เพลีย-(ไม่)เมื่อย

อย่างหลวงพ่อนี้ ถ้าได้พูดธรรมะแล้ว-มันสนุก

ความสุขโลกุตตระ-เขาว่าอันนี้ มันไม่มีเรื่องอะไร-ถ้าเรารู้จัก

อันนี้เขาว่า พระโสดาบัน-พระสกิทาคา(มี)

พระอนาคา(มี)-พระอรหันต์ขึ้นไป มันเป็นขั้น-เป็นตอนไป

จึงว่าเราไม่รู้จัก ไปเชื่อแต่ตำรา-พูดแต่ตำรา…เหมือนคนกินข้าวเปลือก

เอาข้าวเปลือกไปหว่านเป็นกล้า-เป็นฟาง

เป็นข้าว-เป็นข้าวเปลือก เป็นข้าวสาร-ข้าวสุก

บัดนี้กินข้าวเปลือก-ก็กินไม่ได้ เราต้องรู้จัก-ตำรานี่

อ้อ-กินข้าวเปลือกไม่ได้ เอาไปทำยังไง ?

ฟางกินไม่ได้ เอาให้ควายกิน

ข้าวเปลือกเอาให้ใครกิน ? ให้หมู-ให้ไก่

ข้าวสารให้ใครกิน ? ให้มดกิน

*คนกินข้าวสุก* กินข้าวสุก…ไม่มีพิษ-มีภัย

จึงไปตรงกับที่หมอเอาหนังสือเว่ยหล่างมาอ่านให้หลวงพ่อฟังว่า

‘ให้ทาน-รักษาศีล ทำมาทุกสิ่ง-ทุกอย่างแล้ว…เป็นกุศลไหม ?

ไม่เป็นกุศลแต่อย่างใดเลย’

โอ้ หนังสืออันนั้นตอบปัญหาอย่างกล้าหาญจริง ๆ

อันนี้ก็เหมือนกัน

*ถ้ามีทุกข์ มีเงินสักหมื่นล้าน-จะมีประโยชน์อะไร ?

สู้สุนัขนอนอยู่ก็ไม่ได้*

เพราะพระพุทธเจ้าท่านสอนอย่างนั้น

*ปัญหาทั้งหมด มาแก้แต่ทุกข์เท่านั้น

เมื่อมาถึงจุดนี้แล้ว(สภาพรูป-สภาพจิตใจเข้าสู่สภาพเดิม) คนไม่มีทุกข์*

ใครเขาจะว่าเราทุกข์ ก็เป็นเรื่องของเขาพูด

*ชีวิตมันไม่เคยพูด มันทุกข์ด้วยความคิดต่างหาก

คิดแล้ว-คิดอีก ทุกข์

หยุดความคิดสักพักเดียว ทุกข์ก็หมดเลย

หยุดความคิดน้อย ทุกข์ก็หมดน้อย

หยุดความคิดได้มาก ทุกข์ก็เลยหมดมาก

หยุดความคิดได้อย่างสิ้นเชิง ก็เลย(หมดทุกข์)สิ้นเชิง*

มีเรื่องหนึ่งว่า วิธีที่จะทำให้หยุดความคิดนี่ซิ-มันต้องมีวิธี

พูดกันตรง ๆ นะ หลวงพ่อทำ(อันอื่น)มา

ตั้งแต่อายุ ๑๐ กว่าปี ถึงอายุ ๔๐ กว่าปี

มาทำอันนี้แล้ว รับศีลก็ได้-ไม่รับศีลก็ได้

ทำทานก็ได้-ไม่ทำทานก็ได้ ทำกรรมฐานก็ได้-ไม่ทำก็ได้

มันไม่เกี่ยวข้องทั้งหมด

มันเกี่ยวข้องก็แต่*ความรู้สึกตัว*เท่านั้นเอง

ความรู้สึกตัวนี้ มันไม่เกี่ยวข้องกับอะไรทั้งหมดเลย

ความรู้สึกตัวนี่ว่า *ทุกข์ต้องกำหนดรู้-คือรู้สึกตัว*

ครั้นมันไม่รู้ มันจะรู้สึกตัวได้ไง ?

เราเกิดมานี่…(กะ)พริบตาดู กลืนน้ำลาย เหลือบซ้าย-แลขวา

จิตใจมันคิด-เราไม่รู้ มันก็เป็นอย่างนั้น

เขาจึงว่า ธรรมะนั้น-พระพุทธเจ้าแสวงหาเป็นคนแรกสุด

อันที่มันสุดทุกข์นี่ เขาก็แสวงหากันมาอยู่แล้ว

เรื่องนิพพานนี้ มันมีมาก่อนพระพุทธเจ้าอีก

บัดนี้พระพุทธเจ้าเกิดขึ้นมายุคแรก แล้วก็แผ่กระจายขึ้นมา

คนก็ได้รู้ธรรมะ แก้ปัญหาเรื่องทุกข์ได้

ต่อมาพระพุทธเจ้าตายไปแล้ว

คนใดค้นพบ ก็ต่อกันมาเรื่อย ๆ นี่แหละ

แล้วมันหมดยุค-หมดสมัยไป ก็เพราะคนมันขี้คร้าน

เห็นว่าธรรมะไม่เป็นความสุข เห็นว่าเงินเป็นความสุข

เห็นเสื้อ-เห็นผ้าเป็นความสุข มันเป็นอย่างนั้น

ท้ายที่สุดนี้ ผมหรืออาตมาขออ้างอิงเอาคุณของพระพุทธเจ้า

และพระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

และคุณของพระอรหันตสาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

มาเตือนจิตสะกิดใจของพวกเรา

*ให้พวกเราได้เห็นแจ้ง-รู้จริง ตามความเป็นจริง

ซึ่งชีวิตของเราที่ไม่เคยว่าทุกข์ ไม่เคยว่าสุขนั้น

ให้เราได้ประสบพบเห็นเอา ในชีวิตนี้*

หรือในกาลอันใกล้นี้ จงทุก ๆ คนเทอญ.”

หลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ

————————————————————————————————

※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※

※ อย่าหลงตน-อย่าลืมตัว ※

※ ※

※ อย่าหลงกาย-อย่าลืมใจ ※

※ ※

※ อย่าหลงชีวิต ※

※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※

รู้สึกตัว…รู้สึกกาย รู้สึกใจ

_/|\_ _/|\_ _/|\_

ไม่มีคำอธิบายรูปภาพ


Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *