รู้สึกกาย รู้สึกใจ 28 มกราคม 2021

“…ได้พูดธรรมให้ฟังมา ๒ วันแล้ว

วันแรกพูดถึง‘ศรัทธา’

เมื่อวานพูดถึง‘ทานธรรม’

สรุปได้ดังนี้ว่า

*‘ศรัทธา’ นั้นก็คือเชื่อในสิ่งที่ควรเชื่อ

เชื่อด้วยสติ เชื่อด้วยสมาธิ

ด้วยญาณของวิปัสสนาจริง ๆ จึงควรเชื่อ

‘ศรัทธา’ แปลว่าที่พึงพึ่งได้-ไม่กลัวอะไรทั้งหมด*

เชื่อตัวเอง…เพราะดี-ชั่ว ตัวทำเอง

นี้เป็นเรื่องศรัทธา

ส่วนเรื่อง’การทานธรรม’

ไม่ใช่ทานเงิน-ทานทอง ไม่ใช่ทานเสื้อผ้า

ทานธรรมนั้น พูดไม่หมด-มันหมดไม่เป็น

คำพูดที่เราแนะนำ-สั่งสอนนี่ หมดไม่เป็น

สอนเขาไป เราก็ไม่หมดด้วย

เพราะเขาไม่ได้เอาอะไรไป

เขาได้แต่จำไปเฉย ๆ

การให้ทานธรรม จึงชนะทานทั้งปวง

อย่างที่หลวงพ่อพูดให้พ่อออก-แม่ออก พระ-เณรที่นี่ฟัง

มันไม่หมด-ไม่สิ้นเปลืองอะไร

มีแต่เหนื่อยบ้าง เป็นธรรมดา

คนทำงาน-ทำการ มันก็ต้องเหนื่อย-หรือเมื่อยบ้าง

ไม่เหนื่อย-ไม่เมื่อยนั้น ไม่มี

ทนทำ เพราะเป็นธุระ-หน้าที่

เกิดมาเป็นคน ต้องรู้จักว่าความเป็นคนนั้นคืออะไร ?

(เมื่อ)รู้จักความเป็นคนแล้ว ท่านถือว่า’คนที่รู้นั้นเป็นมนุษย์’

เมื่อเป็นมนุษย์แล้ว ต้องศึกษาให้รู้จักหน้าที่ของมนุษย์

มนุษย์ควรทำอย่างไร ให้รู้

เมื่อรู้แล้ว ต้องศึกษาว่าหน้าที่ของเทวดาคืออะไร ?

ต้องศึกษาให้รู้จักหน้าที่ของเทวดา

เมื่อรู้จักแล้ว ต่อมาให้ศึกษาถึงหน้าที่ของพรหม

ต้องศึกษา-ต้องปฏิบัติ ให้รู้-ให้เห็น-ให้เข้าใจ

เมื่อรู้ดีแล้ว ต้องศึกษาให้รู้หน้าที่ของพระ

หน้าที่ของพระคืออะไร ?

‘พระ’ แปลว่าผู้ประเสริฐ-ผู้สอนคน

ชีวิตของพระจึงราบรื่น ดีกว่าทุกสิ่ง-ทุกอย่าง

*ทุกท่านที่อยู่ที่นี่ เป็นพระได้ทั้งหมด*

ทำไมจึงว่าเป็นได้ ?

เราสวดสังฆะคุณกันว่า

‘สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ

อุชุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ’

สวดเป็น-พูดเป็น

แต่ไม่รู้จักความหมายของคำที่สวด

‘พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ

ข้าพเจ้าถือเอาพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง กำจัดทุกข์-กำจัดภัยได้จริง’

*ตัวกำจัดทุกข์-กำจัดภัยได้จริงนี่แหละสำคัญ*

จึงย้ำว่า ‘ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ

ข้าพเจ้าถือเอาพระธรรมเป็นที่พึ่ง กำจัดทุกข์-กำจัดภัยได้จริง’

‘สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ

ข้าพเจ้าถือเอาพระสงฆ์เป็นที่พึ่ง กำจัดทุกข์-กำจัดภัยได้จริง’

*ไม่ทุกข์ ใครปฏิบัติแบบพระพุทธเจ้าก็ไม่เป็นทุกข์*

แต่**ถ้าเราทำเพียงว่าจะสวด-จะพูด

จนตาย-มันก็ยังทุกข์อยู่ เพราะพูดเฉย ๆ**

นี่เรียกว่า ‘เราเลือกกินแต่กระดูก-แต่เอ็น-แต่ก้าง

เนื้อแท้ ๆ เราไม่ได้กิน’

*นับถือศาสนาพุทธ แต่ไม่รู้ความหมาย

เรียกว่าทำตาม ๆ กันมา พูดตาม ๆ กันมา

คนสอนก็ไม่รู้ คนที่ฟังก็ไม่รู้

เมื่อไม่รู้ ก็เลอะเลือนไป*

จึงมาพูดให้ฟัง ต้องตั้งใจฟัง

ที่สวด ‘นโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ’

ว่ากัน ๓ จบ มีความหมายอย่างไร ? นี่ก็ไม่รู้จักกัน

*สวดกันพูดกันเฉย ๆ มันจะมีประโยชน์อะไร ?

เราไม่นำไปปฏิบัติ มันก็ไม่ได้ประโยชน์

มันต้องลงมือปฏิบัติ มันจึงจะได้*

‘นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต’ นั่นแปลว่าขอนบน้อม

นบทำอย่างไร- น้อมทำอย่างไร ?

นบใคร-น้อมใคร ?

เราต้องรู้

‘อะระหะโต’ แปลว่าผู้ไกลจากกิเลส

กิเลสคืออะไร ? *กิเลสคือข้าศึก*

ข้าศึกคืออะไร ? *ข้าศึกคือความทุกข์

ท่านสอนให้เรารู้จัก*

‘สัมมา สัมพุทธัสสะ’

คือ**พระพุทธเจ้า (ท่าน)รู้เอง-เห็นเอง

เพราะการเจริญสติ-เจริญสมาธิ-เจริญปัญญา

ท่านจึงตรัสรู้เองโดยชอบ** ไม่มีครู-ไม่มีอาจารย์

แล้วนำมาสอนพวกเราให้ปฏิบัติอย่างนั้น…”

หลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ

————————————————————————————————

※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※

※ อย่าหลงตน-อย่าลืมตัว ※

※ ※

※ อย่าหลงกาย-อย่าลืมใจ ※

※ ※

※ อย่าหลงชีวิต ※

※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※

รู้สึกตัว…รู้สึกกาย รู้สึกใจ

_/|\_ _/|\_ _/|\_


Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *