“…พูดถึงวิธีปฏิบัติที่หลวงพ่อพูดให้ฟังนี้ มันไม่ยาก
อย่างในตำราท่านบอกว่า ‘ผู้ใดที่เจริญสติปัฏฐาน ๔ ถูกต้อง
ติดต่อกันเหมือนลูกโซ่
อย่างนานไม่เกิน ๗ ปี
อย่างกลาง ๗ เดือน
อย่างไวที่สุดตั้งแต่ ๑ วัน หรือถึง ๑๕ วัน
มีอานิสงส์ ๒ ประการ
๑.) เป็นพระอรหันต์ในปัจจุบันภพนี้
๒.) ถ้าหากไม่เป็นพระอรหันต์
อย่างน้อยก็เป็นพระอนาคามีในปัจจุบันภพ แน่นอนที่สุด’
หลวงพ่อรับรองคำสอนของพระพุทธเจ้า
แต่ที่กล่าวว่า ‘๗ ปี’ นั้น จะเป็นพระพุทธเจ้าตรัส-หรือใครพูด ?
หลวงพ่อไม่รู้
สำหรับหลวงพ่อนั้น
**‘ถ้าหากผู้ใดเจริญสติปัฏฐาน ๔
หรือกำหนดการเคลื่อนไหวทุก ๆ อิริยาบถ
ให้ติดต่อกันอยู่ทุกระยะ-ทุกเวลา
เป็นมื้อ-เป็นวัน เป็นปี-เป็นเดือนก็ได้
ถ้าทำติดต่อกันทุก ๆ วัน เว้นเฉพาะนอนหลับเท่านั้น
เวลาเข้าห้องน้ำ-ห้องส้วมก็ต้องทำ ทำอะไร-ก็ต้องกำหนด
เอ้า! อย่างนานให้เวลา ๓ ปี รับรองได้
ไม่ต้องเป็นพระอรหันต์ ไม่ต้องเป็นพระอนาคามี
ทุกข์จะลดน้อยลงไป’**
*ทุกข์ลดน้อยลงไปเพราะอะไร ?
เพราะเรารู้เวลามันเคลื่อนไหว
ความคิดที่จะไปลักของคนอื่น-ไปด่าคนอื่น-คิดอิจฉาคนนั้น
มันไม่ปรากฏ
นี่แปลว่า‘ดับทุกข์ได้ส่วนหนึ่ง’*
โทสะ-โมหะ-โลภะเป็นขั้นแรก จำไว้ให้ดี
ส่วนเรื่องรูป-นามนั้นไม่พูดก็ได้ มันจะรู้เอง
สมมติว่าเรามีโทสะ-โมหะ-โลภะอยู่ ๑๐๐%
เมื่อเราเห็นความคิด-เห็นสมุฏฐานของมันแล้ว
อย่างน้อยที่สุด หลวงพ่อว่า&มันกระเด็นไปทันทีอย่างน้อย ๖๐%
เบาบางไปทันที ถ้ามีสติปัญญาเข้าไปเห็นแล้ว
มันก็เหมือนกับควายตัวเล็กกับควายตัวใหญ่ไล่กันนั่นแหละ
มันหนีกันทันที
แต่ความจริง *หลวงพ่อเห็นและเข้าใจทีแรกนั้น
หลวงพ่อเข้าใจว่ามันหนีไป ๘๐% ก็เลยรู้ว่า ‘เอ-เราเป็นพระได้แล้ว
อ๋อ! ความเป็นพระมันอยู่ตรงนี้เอง’*
นี่แหละที่ท่านพูดว่า
‘ดูผู้หญิงไม่เป็นผู้หญิง ดูผู้ชายไม่เป็นผู้ชาย’
นั่นมันเป็นคำพูดเฉย ๆ
เพราะเพศหญิง-ก็ต้องเป็นเพศหญิง เพศชาย-ก็ต้องเป็นเพศชาย
ต้องเป็นอย่างนั้นตลอดเวลา เป็นอย่างไหน-ก็ต้องเป็นอย่างนั้น
แต่การเป็นพระนี้ เป็นได้เหมือนกัน
ผู้หญิงก็เป็นได้-ผู้ชายก็เป็นได้ เป็นได้ที่ตรงนี้
เป็นได้ เพราะเห็นสมุฏฐาน-ต้นเหตุแห่งความคิด
เรียกว่า *‘เห็นวัตถุ-ปรมัตถ์-อาการ’
เมื่อเห็นอันนี้แล้ว โทสะ-โมหะ-โลภะก็ลดน้อยลงไป
เพราะไม่ไปยึดมั่นสิ่งนั้น*
ช่วงนั้นเป็นตอนเย็น หลวงพ่อก็ทำงานไปอีก
(เดินจงกรม-สร้างจังหวะ)
เลยเข้าใจเรื่องกิเลส-ตัณหา-อุปาทาน-กรรม
โอ! ความไม่ยึดมั่นถือมั่น ความเห็นแจ้ง-รู้จริง ความเป็นพระ
เกิดขึ้นมาอีกเป็นครั้งที่ ๒ ดังปรากฏในบทสวดมนต์
แปลว่า *‘คู่แห่งบุรุษ ๔ คู่ นับเรียงตัวบุรุษได้ ๘ บุรุษ
นั่นแหละสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า’
แล้วพวกเรารู้จักบุรุษเหล่านั้นหรือยัง ?*
ที่พูดให้ฟังนี้ คิดให้มันดี
ครั้งที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ใหม่ ๆ
มีอุปกาชีวกผู้หนึ่งแสวงหาพระพุทธเจ้าอยู่
แต่เมื่อไปพบพระพุทธเจ้าจริง ๆ *ทำไมจึงไม่รู้จักพระพุทธเจ้า ?
ก็เพราะไม่มีคุณธรรมอย่างพระพุทธเจ้า
จึงบูชาพระพุทธเจ้าไม่ถูก ทานธรรมอย่างพระพุทธเจ้าไม่เป็น*
*ทานธรรมอย่างพระพุทธเจ้านั้น ท่านไม่ได้หยิบยื่นให้
เพียงแต่แนะนำวิธี ‘ให้ปฏิบัติอย่างนั้น-มันต้องเป็นอย่างนี้’
ดับเชื้อ-ดับโรคได้จริง ๆ แต่ไม่ใช่โรคภัยไข้เจ็บ
ดับโรค(โลก) คือไม่ต้องเกิด-ไม่ต้องตายอีก*…”
หลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ
————————————————————————————————
※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※
※ อย่าหลงตน-อย่าลืมตัว ※
※ ※
※ อย่าหลงกาย-อย่าลืมใจ ※
※ ※
※ อย่าหลงชีวิต ※
※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※
รู้สึกตัว…รู้สึกกาย รู้สึกใจ
_/|\_ _/|\_ _/|\_

ใส่ความเห็น