“…*การทำบุญ-ให้ทาน-รักษาศีล
เจริญสมถะ-เจริญวิปัสสนา ก็ตาม
ถ้ายังไม่มาแก้ไขบทนี้แล้ว ก็ยังทุกข์มาก*
[แก้ไขบทนี้ คือทำให้โทสะ-โมหะ-โลภะจืดจางลง
แล้วเวทนา-สัญญา-สังขาร-วิญญาณไม่ทุกข์]
**แต่ถ้าแก้ไข-มาทำอย่างนี้ ทุกข์น้อย-ไม่ทุกข์มากแล้ว
[มาทำอย่างนี้ คือเจริญสติ-แล้วเอาสติมาดูความคิด
จนโทสะ-โมหะ-โลภะจืดจางลง]
อันนี้แหละ ได้ชื่อว่า‘ทางไปหาพระพุทธเจ้า’**
ผมเข้าใจอย่างนั้น
แล้วผมก็ทำจังหวะไป เดินจงกรมไป
เลยเข้าใจกิเลส-ตัณหา-อุปาทาน-กรรม
*‘กิเลส’…มันเหมือนยางไม้-ยางเหนียว
‘ตัณหา’…มันอยาก
‘อุปาทาน’…มันเข้าไปยึดมั่น-ถือมั่น
‘กรรม’…แปลว่าเสวยทุกข์-เสวยสุข
ถ้าเข้าไปยึดมั่น-ถือมั่น
เข้าไปแบก-ไปหามอยู่อย่างนั้น มันก็ทุกข์ล่ะซิ*
ทีนี้ผมก็เลยวาง
**‘วาง’…ก็คือไม่สนใจกับสิ่งนั้น ๆ ล่ะ
เราก็มาสนใจดู
เริ่มตั้งแต่การเคลื่อนไหวของตัวเรา
มันคิดขึ้นมา เราก็ทิ้งไปเลย
เมื่อทำอย่างนี้อยู่
มันก็จืด-ก็จางไป มันหลุดไป-หลุดไป**
เปรียบอุปมาให้ฟัง
‘น้ำสี แต่ก่อนน่ะมันมีคุณภาพ ๑๐๐% เต็มกระป๋อง
หากมันเป็นสีดำ-เราเอาไปย้อมผ้าขาว
ผ้านั้นมันจะดำทั่วหมด
แต่เมื่อมารู้-มาเห็น-มาเข้าใจอย่างนี้แล้ว
น้ำสีซึ่งมีปริมาณเต็มกระป๋องเหมือนเดิม
แต่มันหมดคุณภาพแล้ว
ถ้าเป็นสีดำ-(เอา)ไปย้อมผ้าขาว มันจะไม่ติดผ้า
หากจะติด มันก็ติดดำนิดหน่อย-หรืออาจไม่ดำเลยล่ะ’
มันเป็นอย่างนั้น
การกระทำอันนี้ก็เหมือนกัน
กล่าวคือ **เมื่อเราเห็นมันอยู่เรื่อย ๆ
รู้จักชื่อเสียงมัน เห็นหน้าตาดั้งเดิม-สภาพของมัน
ว่ามันเป็นอยู่อย่างนี้
มันก็จะไม่ทำร้าย (ไม่)ทำอันตรายให้กับเราได้**
ดังนั้น **พระพุทธเจ้าท่านจึงว่า
‘สภาพหรือสภาวะดั้งเดิมนั้นเหมือนกันหมด
ไม่มีผิดแปลก-แตกต่างกัน’
พระองค์จึงตรัสว่า
‘เราตถาคต-ผู้เป็นตถาคต ไปถึงแล้ว ณ ที่แห่งนั้น
แล้วจึงมาบอก-มาสอน
ผู้ใดปฏิบัติตามเรา ก็จะรู้-จะเห็นอย่างเราตถาคตนี้’ ว่างั้น**
*ท่านว่า‘ถ้าหากไม่ประพฤติ-ไม่ปฏิบัติตามอย่างเราตถาคตแล้ว
จะไม่รู้-จะไม่เห็น-จะไม่เข้าใจอย่างเราตถาคตนี้’* …”
หลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ
————————————————————————————————
※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※
※ อย่าหลงตน-อย่าลืมตัว ※
※ ※
※ อย่าหลงกาย-อย่าลืมใจ ※
※ ※
※ อย่าหลงชีวิต ※
※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※
รู้สึกตัว…รู้สึกกาย รู้สึกใจ
_/|\_ _/|\_ _/|\_

ใส่ความเห็น