รู้สึกกาย รู้สึกใจ 27 กุมภาพันธ์ 2023

หลักของพระพุทธศาสนา – วิธีดับทุกข์แบบของพระพุทธเจ้า (๓/๑๐)

“…บัดนี้ เราก็มา**ทำความรู้สึกอย่างที่ผมว่ามานี้

กำมือ เหยียดมือ กะพริบตา อ้าปาก

หายใจเข้า-หายใจออก เดินไป-เดินมา

(เคลื่อนไหว)โดยวิธีใด ก็ให้มีความรู้สึกตัว

บัดนี้ ความคิดมันจะปรากฏขึ้นมาแว้บหนึ่ง

เราเห็น-เรารู้-เราเข้าใจ**

*คนโดยมากคิดว่าตัวเองเห็นความคิด

เห็นแล้วก็รู้เป็นเรื่องไปเลย อันนั้นไม่ใช่เห็นความคิด

เป็นแต่เพียง‘รู้คิด’ หรือ‘รู้อยู่ในความคิด’

กล่าวคือ เราเข้าไปอยู่ในความคิดนั้นแล้ว

เราจึงไม่ได้เห็นความคิดของเรา ออกจากความคิดไม่ได้

ผลจึงได้รับทุกข์*

สมมติเหมือนกับว่า

เราอยู่บนบ้าน เราเข้าไปในห้อง-แล้วเข้าไปนอนในมุ้ง

เราก็จะไม่ได้เห็นห้อง ไม่ได้เห็นนอกห้อง

ไม่ได้เห็นนอกบ้าน ไม่ได้เห็นหลังคาบ้าน

มันเป็นชั้น ๆ อย่างนี้

ที่ผมพูดนี้ เราไม่ต้องเป็นอย่างนั้น

คือว่า**มันคิด…เราเห็น-เรารู้

เราเลยออกจากความคิดได้ เราไม่เข้าไปในความคิด**

เปรียบเหมือนเราไม่ต้องเข้าไปอยู่ในมุ้ง

ไม่ต้องเข้าไปอยู่ในห้องนอน ไม่ต้องเข้าไปอยู่ในบ้าน

แต่ออกมาชานเรือน หรือว่ามาอยู่ลานบ้าน

เรามองดูประตู-เราก็เห็น เหลียวมองในห้อง-เราก็เห็น

เหลียวมองมุ้ง-เราก็เห็น

อันนี้เรียกว่า‘เราเห็นความคิด-รู้ความคิด-เข้าใจความคิด’

**พอดีมันคิด

ทีแรกจะเป็นเรื่องไป ติดต่อเป็นอารมณ์ไป

คราวนี้มันคิด เราเห็น-เรารู้…มันหยุด

พอดีมันคิดขึ้นมา เราเห็น-เรารู้-เราเข้าใจ…มันหยุด**

*อุปมาเหมือนบ้านเรามีหนู

มันจึงกัดเสื้อผ้า-สิ่งของเสียหายหมด

เราไม่มีความสามารถที่จะไปไล่หนูออกจากบ้านได้

จำเป็นต้องไปเอาแมวมาเลี้ยงไว้

แมวกับหนูเป็นปรปักษ์กัน ถ้ามีแมวแล้ว-หนูมันกลัว

สมมติ ที่แรกหนูตัวใหญ่-แมวตัวเล็ก

พอหนูมา แมวถึงตัวจะเล็ก-มันก็ตะครุบอยู่ดี

แต่หนูตัวโตก็วิ่งหนี แมวก็เกาะติดหนูไป

พอเหนื่อยแล้ว แมวตัวเล็กมันก็วางหนูเอง

หนูจึงหนีพ้นไปได้*

**เราไม่ต้องไปสอนแมวให้จับหนู

เพราะเป็นธรรมชาติของมันอยู่แล้ว

เราเพียงเอาอาหารให้แมวกิน

ให้มันใหญ่ขึ้น-อ้วนโตขึ้น มีกำลังแข็ง-แรงมากขึ้น

ทีนี้เวลาหนูมันมาอีก แมวซึ่งจ้องคอยทีอยู่โดยธรรมชาติ

และมีกำลังแล้วนั้น จะกระโจนจับทันทีอย่างแรง

หนูมันไม่เคยถูกแมวจับ มันก็ตกใจ-ช็อกตายทันที

เลือดในตัวหนูก็เลยหยุดวิ่ง แมวกินหนูจึงไม่มีเลือด

ความคิดก็เหมือนกัน

พอดีมันคิด เราเห็น-เรารู้-เราเข้าใจ…มันหยุดทันที

ความคิดมันเลยไม่ถูกปรุงไป

เพราะเรามีสติ-มีสมาธิ-มีปัญญาแล้ว**

‘สติ’ แปลว่าความระลึกได้

‘สมาธิ’ ก็แปลว่าตั้งมั่น-ตั้งใจไว้มั่น

‘ปัญญา’ แปลว่ารอบรู้

‘ตัวสติตั้งมั่น’ ก็คือมันคอยจ้องความคิดอยู่

เหมือนแมวคอยทีจะจับหนูนั่นเอง

**พอดีมันคิดปุ๊บ เราไม่ต้องไปรู้กับมัน

ให้มาอยู่กับความรู้สึกตัวนี้**

‘มันคิดแล้วก็หายไป’นี้ ก็หมายความว่า

**เมื่อมีสติเห็น-รู้-เข้าใจอยู่ ความหลงไม่มี-หรือมีไม่ได้เลย

เมื่อความหลงไม่มีแล้ว โทสะ-โมหะ-โลภะย่อมเกิดขึ้นไม่ได้

นี้เรียกว่า‘นามรูปไม่ทุกข์’

เพราะรู้เท่า-รู้ทัน รู้กัน-รู้แก้

ซึ่งก็คือตัวสตินั่นเอง

เมื่อเรามาเห็นอยู่อย่างนี้

อันนี้แหละ ตัวสติ-ตัวสมาธิ-ตัวปัญญา**

ไม่ใช่ว่าไปเจริญสติ ก็ไปนั่งหลับตาทำสมาธิ

อันนั้นเอาไว้ก่อน ไม่ต้องพูดถึง

เรื่อง**การเจริญสติเพื่อแก้ทุกข์ตามที่ผมเข้าใจนั้น

พระพุทธเจ้าสอนอย่างนี้จริง ๆ ซึ่งไม่ต้องหลับตา

และสามารถทำการทำงานทุกประเภทไปพร้อมกันได้ด้วย**

เป็นนักเรียนไปเรียนหนังสือก็ได้ เป็นครูไปสอนนักเรียนก็ได้

เป็นพ่อบ้านทำหน้าที่พ่อบ้านก็ได้ เป็นแม่บ้านทำหน้าที่แม่บ้านก็ได้

เป็นลูกเราก็ทำหน้าที่ของลูกได้

เป็นผู้ใหญ่บ้าน-กำนัน ตำรวจ-ทหาร รัฐมนตรี

ทำหน้าที่-การงานของตนได้หมดทุกคน

ทำไมจึงว่าทำได้ ?

เพราะเราไม่ได้นั่งหลับตา **ไปไหน-มาไหนก็ได้

ทำการ-ทำงานใดอยู่ก็ได้ แต่ให้เรามองดูจิตใจ

จิตใจนี้ไม่มีตัวตน

พอดีมันคิด เราเห็น-เรารู้-เราเข้าใจนั้น…อันนั้นเรียกว่า‘นาม’

ส่วนนามที่มันคิดนั้น เป็นรูปคิดขึ้นมา…เรียกว่า‘นามรูป’

ดังนั้นวิธีอันนี้ เรียกว่าเป็น‘วิธีนามรูป’**

อันรูป-นามนั้น เป็นอันหนึ่ง

ส่วนนามรูป เป็นอีกอันหนึ่ง….”

หลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ

————————————————————————————————

※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※

※ อย่าหลงตน-อย่าลืมตัว ※

※ ※

※ อย่าหลงกาย-อย่าลืมใจ ※

※ ※

※ อย่าหลงชีวิต ※

※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※

รู้สึกตัว…รู้สึกกาย รู้สึกใจ

_/|\_ _/|\_ _/|\_

ไม่มีคำอธิบายรูปภาพ


Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *