“…ผมไปอ่านหนังสือ-ตำราหลักสูตรนักธรรมชั้นโทว่า
‘พระโสดาบันจะมาเกิดในเมืองมนุษย์อีกชาติหนึ่ง คือเอกะพีชี’
ผมเลยนึกได้ว่า
‘โอ้! พระโสดาบันนี่ เขาจะมาทำงานบ่อนนี้อีกตื่มเทือหนึ่งเด๊
เพราะงานมันบ่แล้ว’ ผมนึกอันนี้ขึ้นมา
ฉะนั้นเรื่องกัป-เรื่องกัลป์ เรื่องวิพากษ์วิจารณ์หมู่นี้-ผมหมดสิ่งที่เว้า
เรื่องการทำบุญ-ให้ทานนั้น มันเป็นเหยื่อล่อซือ ๆ
เรื่องการทำบุญ-ให้ทาน รักษาศีล
อย่างใด ๆ ก็ตาม-เป็นเหยื่อล่อ เพราะให้คนติดเราซะก่อน
เมื่อติดเราแล้ว เราจะยั่วเขาได้
หรือว่าบอกเขาได้ ทำได้-เฮ็ดได้
อย่างนี้เขาจึงจะฮัก เฮ็ดนำเราได้
**ปัญหามันมีเพียงอย่างเดียวว่า
‘พระพุทธเจ้าตัดผมครั้งเดียว
ยาวเท่า ๒ ข้อมือ และไม่ยาวอีกต่อไป
และไม่สั้นอีกต่อไป เท่าเดิม-เสมอตัว’
ปัญหามันจุดนี้แหละ ขอให้เข้าใจไว้
‘เรื่องอาการเกิดดับ’**
ไม่ใช่ว่า(ความ)คิดนี้ มันเกิด-มันดับนี้
(ไม่ใช่)หูได้ยิน-มันเกิด มันส่งเข้าไปถึงจิตใจ-มันดับ
อันนั้นเขาสอนกันอยู่ก่อนแล้ว เรื่องนี้เขาสอนกันอยู่ก่อน
บ่แม่นจุด(ที่)พระพุทธเจ้าชี้ (เป็น)จุด(ที่)อาจารย์องค์อื่นชี้มา
ถ้าหากผู้ใดไปชัก-ไปกล่าวเอาคำสอน‘อาการเกิดดับที่แท้จริง’นั้น
มาว่าเป็นจุด ๆ นี้นั้น ผมว่าผู้นี้ก็ชี้เป้าหมายผิด
และต่อไปนี้ หาก…
ผมว่า-คงจะเป็นคนฆ่าผมอีกซะด้วย
หรือฆ่าพระพุทธเจ้าไปอีกซะด้วย ครั้นหากพระพุทธเจ้ายังมีอยู่
เพราะผมบ่ได้เจตนาว่าซิบอกเลข บอกบัตร-บอกเบอร์ใครทั้งหมด
**ผมมีความจงรักภักดี จะมาเว้าธรรมะอันนี้อย่างเดียวเท่านั้น
มีจุดหมายปลายทางอยากให้คนเข้าใจธรรมะ
ได้รับความสุข(จาก)ที่ว่า‘เราเป็นชาวพุทธ’เท่านั้น**
ฉะนั้น ที่ผมเคยได้เตือนเพื่อน ๆ มา
‘อย่าบอกเถอะเรื่องเลข เรื่องบัตร-เรื่องเบอร์
มันบ่แม่นความจริง มันบ่เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า’
กระทั่งผมเองก็บ่เคยเว้าจักเทื่อเรื่องเลข เรื่องบัตร-เรื่องเบอร์
**(ผม)เว้าเรื่อง‘ไปซือ ๆ’**
โดยมากผมมาอยู่ขอนแก่นนี่ ครั้นผมเว้าอันนั้น-อันนี้
(คนก็)จับเอาไปตีเป็นเลข เป็นบัตร-เป็นเบอร์ไป
อ้าว! หลายคน ก็ถูกผู้หนึ่งแล้ว-หลายความคิด
ครั้นถูก-ก็หาว่าผมบอกเลข ผีตายกินหัวคนนี้
ความจริงผมบ่ได้มีเจตนาอย่างนี้จักเทื่อ
ตั้งแต่เกิดมา ผมบ่ได้คิดเจตนา
**แม้ผมมาบวช ผมมีเจตนาอย่างเดียว
‘ซิมาเว้าธรรมะอันนี้เท่านั้น’** ผมจำอยู่ในใจ-ฝังอยู่ในใจผมนี้
ถามท่านอาจารย์มหาก็ได้ ถามผู้ที่เคยอยู่กับผมนานปีก็ได้
ผมนึกอยู่แล้วว่า
‘ถ้าหากเว้าเรื่องพระพุทธศาสนา เรื่องคำสอนของพระพุทธเจ้านี่
(ถ้า)เมืองไทยนี้เข้าใจธรรมะดีกันแล้ว
ผมยังอยากเรียนภาษาอังกฤษอยู่เท่าทุกมื้อนี้
ผมอยากไปเว้ากับฝรั่ง’ ผมได้เว้าเรื่องนี้อยู่บ่เซา
‘ผมซิไปนุ่งกางเกงบักดำ ๆ นั่นแหละ เสื้อดำ ๆ นั้น
ไปเว้ากับอเมริกา-กับฝรั่ง **ให้พูดภาษาปฏิบัติธรรมะ
ผมจะชี้เข้าไปจุดเดียวเท่านี้ ไปทำงานกับอั้นนี้เท่านั้น’**
ผมคิดอยู่
เพราะพวกนั้นเป็นนักปัญญาชน-ความคิดมาก ผมว่าคงจะเข้าใจ
เมื่อฝรั่งเข้าใจแล้ว ผมยังจะสึกอีกตื่มเทื่อหนึ่ง
ละเพศนั้น จะไปสอนเจ๊ก
บัดนี้ไปสอนคนจีน ซิบวชเป็นพระจีน
(ถ้า)บ่เชื่อ ถามหมู่ที่เคยไปอยู่นำผม
ผมได้เคยตั้งสังเกต(ปณิธาน)จั่งซี้อยู่บ่เซาจักเทือ
เรื่องการบวช-การสึกนี่ บ่สำคัญ
เห็นว่าเจ้าของบวชมา
ว่าเจ้าของได้ปฏิบัติหลักพุทธศาสนาอย่างถูกต้องแล้วนั้น
ถูกอยู่-ถูกเพียงแค่สมมติ บ่แม่นถูกเนื้อแท้
ปัญหามันมีอยู่เพียงแค่นี้ครับ
เท่าที่ผมคิดมาอยู่เป็นเวลาหลายมื้อ-หลายวัน
หลายปี-หลายเดือน ที่มาอยู่ร่วมกันนี่
เรื่องประสบการณ์การปฏิบัติธรรมนั้น
เล่าให้ครูบาอาจารย์ หรือว่าแม่ออก-พ่อออก
หรือเณรฟัง มื้อนี้ก็ว่าพอสมควรแล้ว…”
หลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ
————————————————————————————————
※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※
※ อย่าหลงตน-อย่าลืมตัว ※
※ ※
※ อย่าหลงกาย-อย่าลืมใจ ※
※ ※
※ อย่าหลงชีวิต ※
※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※
รู้สึกตัว…รู้สึกกาย รู้สึกใจ
_/|\_ _/|\_ _/|\_

ใส่ความเห็น