ไสยศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และพุทธศาสตร์: การเชื่อมโยงสู่การปฏิบัติธรรม

ขอโอกาสเจริญสุขเจริญธรรม ชมรมวิทยาศาสตร์จุฬา 2509 พวกเราได้มาวัดสนามใน ทอดผ้าป่า บังสุกุล สังฆทาน อาตมาในนามคณะสงฆ์วัดสนามใน ขอกล่าวใจความยินดีต้อนรับทุกท่าน อาตมาคิดถึงเจ้าคุณพุทธทาส สวนโมกข์ ท่านว่า ไสยศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ และพุทธศาสตร์ ถ้าทำให้ดีจะสัมพันธ์กันนะ ท่านบอกว่า จงทำไสยศาสตร์ให้เป็นวิทยาศาสตร์ 

เพราะฉะนั้นหลวงพ่อเทียน เป็นผู้ที่นำกรรมฐานจากทางภาคอีสาน จากประเทศลาว มาสอนอยู่ที่นี่ เมื่อปี พ.ศ. 2520 สิบเก้า ยี่สิบ ประมาณนั้น  แล้วก็มาอยู่ที่วัดชลประทานก่อน 2 ปี แล้วก็ย้ายมาที่นี่ อาตมาก็มากับท่านหลวงพ่อเทียน กรรมฐานที่นั่นท่านอานาปานสติ หลวงพ่อเทียนท่านมีเทคนิคการเคลื่อนไหว เจริญสติแบบเคลื่อนไหว เทคนิคใหม่ คนไม่เคยเห็น คนกรุงเทพฯไม่เคยเห็นหรอก เห็นแต่หนอใช่ไหม มี “หนอ” มี “พุทโธ” มี “สัมมาอะระหัง” มี “อานาปานสติ” แต่หลวงพ่อเทียนใช้เทคนิคเคลื่อนไหว สร้างจังหวะ คนก็ลองทำดู ทำแล้วก็เลยมาตั้งที่นี่ ก็เลยทำไป แต่คนก็ไม่ค่อยชอบมากหรอก นิดหน่อย เพราะว่านั่งสมาธิพุทโธ มันไม่ต้องทำอะไรนิ หายใจเข้าหายใจออก อานาปานสติ หรือ สัมมาอะระหัง ไม่ต้องทำอะไร แต่หายใจเข้าหายใจออก จิตกำหนดสติเท่านั้น แต่อันนี้มันผิดๆถูกๆหรอก คนก็เลยไม่ชอบ แต่ความลึกซึ้งด้านในมันมีอยู่นะ เป็นวิทยาศาสตร์ที่พิสูจน์ได้ 

ที่พวกเราสวดมนต์กันนะว่า “สันทิฏฐิโก” ผู้ศึกษาและปฏิบัติพึงเห็นได้ด้วยตนเอง เป็นวิทยาศาสตร์ที่จะต้องพิสูจน์ตัวเอง “อะกาลิโก” ไม่จำกัดกาลเวลา ไม่ขึ้นกับกลางคืนกลางวัน ไม่ขึ้นกับสถานที่ แต่ขึ้นกับตัวกำหนดรู้ “เอหิปัสสิโก” ท้าทายพิสูจน์ เป็นวิทยาศาสตร์ ท้าทายพิสูจน์ดูสิ คุณนั่งเก้าอี้ มีคนหนึ่งนั่งแล้วคนอื่นไม่ต้องนั่ง หลวงพ่อเทียนพูดดีนะ ถ้าคนหนึ่งนี้ออก คนอีกคนนั่งได้ ลักษณะเมื่อจิตเราคิดดี ความคิดไม่ดีมันก็หายไปแล้ว กลางคืนกลางวันมันสลับกันอยู่แล้วตลอดเวลา “โอปะนะยิโก” น้อมมาใส่ตัวเองด้วย  

จิตประภัสสร พระพุทธเจ้าก็สอนจิตประภัสสร แต่เศร้าหมองเพราะกิเลสจรมา เหมือนก้อนเมฆ เหมือนท้องฟ้าที่มีเมฆหมอกเยอะๆ ก็เลยไม่เห็นดวงตะวัน มันปิดบังไปหมด แต่ถ้าวันไหนมันสลายตัวไปไม่มีเมฆหมอก สว่างจ้าเลย จิตของเราก็เหมือนกันนะ หลวงพ่อเทียนบอกว่าจิตเหมือนดวงอาทิตย์ ไม่มีอะไรมาทำลายมันได้เลย ทำนองนั้นนะ 

เพราะฉะนั้นเรื่องวัดสนามในเราก็ยินดีต้อนรับทุกท่านที่จะมาสนใจปฏิบัติ เก็บอารมณ์ เข้ากรรมฐาน เข้าคอร์ส เข้ารีทรีท (Retreat)กันนะ หลวงพ่อเทียนชอบมากเลยถ้าปฏิบัติ เมื่อไม่กี่วันมานี้เราก็จัดคอร์สปฏิบัติ สิบกว่าคน สิบเจ็ด สิบแปดคน เพราะฉะนั้นอาตมาก็ผู้หนึ่งที่ติดตามหลวงพ่อเทียนมาที่นี่ และก็ไปสวนโมกข์นับครั้งไม่ได้ เมื่อเดือนก่อนก็ไปสวนโมกข์ อาตมารักสวนโมกข์มาก เพราะฉะนั้นปฏิบัติมันมีหลายแบบหลายวิธี แต่ที่นี่เราปฏิบัติแบบสร้างสติ สร้างจังหวะแบบหลวงพ่อเทียนสอน เอามาจากไหน สติปัฏฐาน4 นั่นแหละ สติปัฏฐาน4 ก็เรียก อานาปานสติ ใช่ไหม สัมปชัญญะปัพพะ กายานุปัสสนา อย่างเงี้ย มันอยู่ในนั้นแหละ การคู้เหยียด เคลื่อนไหว กระพริบตา หายใจ ยืน เดิน นั่ง นอน มีสติกำหนดรู้ นั่นแหละเรียก สติปัฏฐาน4 ที่เรารู้จักกันดีในตำนาน สติปัฏฐาน4 มันอยู่ในนี้ อันนี้เป็นเทคนิคสร้างขึ้นมาเพื่อจะกำหนดจิตให้ตามรู้ ตามเห็น สติ ตามดูกายเคลื่อนไหว ตามดูจิตดูใจคิดนึก มันจะเกิดสติปัญญาเกิดจิตสำนึก เพราะฉะนั้นไสยศาสตร์ที่ทำ ที่เรารู้จักกันมา ไสยศาสตร์ต้องมาก่อนพุทธศาสตร์ พราหมณ์ต้องมาก่อนพุทธ ท่านพุทธทาสใช้คำว่า พราหมณ์กลืนพุทธ ไสยศาสตร์มันครอบงำไปหมดเลย วิทยาศาสตร์ก็เลยถูกปิดบัง 

ที่ว่าตำราบังพระธรรม ท่านพุทธทาสพูดดี ตำราบังพระธรรม พระพุทธรูปบังพระพุทธเจ้า ความสมมุติมันบังสัจธรรม อันนี้อาตมาก็ไม่ต้องพูดมากนะ ว่าจะโชว์ให้ดูนะ บางคนได้มาที่นี่หลายเที่ยวแล้วเมื่อก่อนนะ ท่านประธานที่นำเพื่อนมาก็ว่ามาหลายเที่ยวแล้วสมัยหลวงพ่อเทียนอยู่ อาตมาก็อยู่กับหลวงพ่อเทียนนั่นแหละตลอด โชว์ปฏิบัติให้ดูจักหน่อยนะ นั่งแบบนั้นแหละ แต่ว่าอาตมาจะทำให้ดูก่อน ให้มีสติกำหนดรู้ กายเคลื่อนไหว มือเคลื่อนไหว บางทีก็หายใจเข้าออก ก็รู้สึก เอาความรู้สึกอย่างเดียว จิตมันตื่นมันรู้ ถ้าจิตมันหลับมันไม่รู้นะ “พุทธะ” แปลว่า ตื่น ตื่นรู้ รู้ตื่น เบิกบาน, พุทโธ รู้ตื่น เบิกบาน จิตพุทธะ ลองดู ลองดูนะ มือทั้งสองข้างวางไว้ที่หน้าขาที่เข่านะ ที่หน้าขาก็ได้ เคลื่อนมือขวาตั้งขึ้นบนหน้าขาเข่า เลื่อนมือขวาขึ้น มันหยุดก็รู้ เอาเข้ามาที่หน้าท้อง มือซ้ายเริ่ม ยกขึ้นมาตั้งตัว เอามาทับที่มือขวา มือขวาเลื่อนขึ้นที่หน้าอก ยกมาข้างตัว เอาลงไปที่ขาขวา คว่ำลง มือซ้ายเริ่ม เอามาข้างตัว เอาลงไปที่ขาซ้าย คว่ำลง มีแค่นี้นะ เดี๋ยวเราทำบ่อยๆให้มันต่อเนื่อง เป็นสันตติ ต่อเนื่องกันไป มันก็เลยเป็นความรู้สึก เป็นวิทยาศาสตร์ ที่เราพิสูจน์ได้ว่า โอ้มันรู้สึก กายหรือใจรู้สึก อันนี้ไม่มีใจ มันก็ไม่รู้สึกใช่ไหม คนทุกคนมีความรู้สึก จิตเป็นผู้รู้ใช่ไหม จิตเป็นผู้รู้ จิตรู้ จิตตื่น จิตเบิกบาน จิตจำ จิตทั้งนั้นแหละ ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นหัวหน้า สำเร็จอยู่ที่ใจ ใจมันถึงก่อน ที่มาที่นี่ใจมาก่อนนะ ก็มาที่นี่นะ 

บัดนี้ทำอย่างนี้แล้วก็มีหลายจังหวะ ทำอย่างนี้ก็ได้ เรายืนเข่า จะทำให้ดูนิดหน่อย แล้วก็ลุกขึ้น ยืนขึ้นก็ได้ ก็ทำได้ เวลาทำนานแล้วมันเวทนาหรือมันทุกข์ เราก็เปลี่ยนทุกข์ เปลี่ยนอิริยาบถ ทุกข์ก็หายไป บางทีก็ เดิน ยืน นั่ง นอน ทำได้หมดเลย เดินจงกรม เดิน 2 ก้าว 3 ก้าวก็ได้ เดินจงกรมเล็ก เพื่ออิริยาบถให้มันคลายความทุกข์ แก้ทุกข์ เท่านั้นเอง แก้ทุกข์ ทุกข์มันน้อยลง แต่ว่าทุกข์ทางใจสำคัญกว่า ทุกข์ทางกายแก้ง่ายนิดเดียวใช่ไหม ก็นั่งลง นั่งลงแล้วก็ทำแบบนี้อีกก็ได้ มันทำได้เยอะ มีของเล่นเยอะ วันนี้ใครจะถามอะไรบ้างนิดหน่อย จะได้ให้พรนะ

ธรรมะพระพุทธเจ้าพิสูจน์ตัวเองนะ ที่เรารู้จักตัวเอง เจ้าคุณพุทธทาสพูดดีนะ “นกไม่เห็นฟ้า ปลาไม่เห็นน้ำ ไส้เดือนไม่เห็นดิน คนไม่เห็นโลก” คนไม่เห็นโลก คนไม่เห็นธรรม ไม่เห็นโลก, เห็นตัวเอง รู้จักตัวเอง มันดีนะ เป็นพุทธะ พุทโธ พุทธศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ไสยศาสตร์ มันหลายศาตร์นะ เอ้าวันนี้ให้พร มหาเสียงดีๆดังๆ กรวดน้ำเหรอ เอาสิ ขอบคุณทุกคนนะ

ทำไสยศาสตร์ให้เป็นวิทยาศาสตร์

พระดา สมฺมาคโต
วันที่ ๑๖ สิงหาคม ๒๕๖๗


Comments

หนึ่งความเห็นตอบกลับที่ “ไสยศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และพุทธศาสตร์: การเชื่อมโยงสู่การปฏิบัติธรรม”

  1. การปฏิบัติกรรมฐานแบบหลวงพ่อเทียนเป็นการผสมผสานระหว่างวิทยาศาสตร์และพุทธศาสตร์ เพื่อเสริมสร้างสติและพัฒนาจิตใจให้มีความลึกซึ้งและชัดเจน.Telkom University Jakarta

ส่งความเห็นที่ aisyah ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *